fbpx
skip to Main Content

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเลนส์ตัวใหม่ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดถ่ายภาพ

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเลนส์ตัวใหม่ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดถ่ายภาพ เมื่อซื้อกล้องมาแล้วและพร้อมที่จะถ่ายภาพหรือเก็บความทรงจำในรูปแบบวิดีโอหรือการใช้เพื่อรับงาน และอยากจะได้เลนส์ตัวใหม่แต่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกเลนส์อย่างไร เดี๋ยววันนี้มาลองดูกันดีกว่า

5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อเลนส์ตัวใหม่ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดถ่ายภาพ

1. เซ็นเซอร์ของกล้องและเม้าท์

เลนส์จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์เมื่อต่อเข้ากับกล้องที่ทำงานในลักษณะเดียวกัน ซึ่งก่อนที่จะซื้อเลนส์ต้องรู้ก่อนว่ากล้องที่ใช้มีเซ็นเซอร์ภาพแบบไหน และใช้ได้กับเลนส์แบบไหนซึ่งเซ็นเซอร์ที่มีอยู่ในตลาดกล้องก็เช่น เซ็นเซอร์แบบ Full frame , APS-C และแบบ Micro four thirds ดังนั้นต้องเข้าใจกล้องตัวเองก่อนว่ามีเซ็นเซอร์แบบไหน แล้วจึงเลือกซื้อเลนส์ที่รองรับการทำงานกับเซ็นเซอร์นั้น ๆ ครับ

เลนส์เม้าท์คือส่วนที่เลนส์ใช้ต่อกับกล้องโดยในคู่มือจะบอกว่ากล้องใช้งานได้กับเลนส์ที่มีเม้าท์ชนิดไหน เพราะไม่ใช่ว่าเลนส์ทุกตัวจะทำงานได้กับกล้องทุกค่าย ซึ่งในบางครั้งเลนส์ที่เหมาะสมอาจจะมีเฉพาะเลนส์ที่ผลิตจากบริษัทที่ผลิตกล้อง หรือเราอาจจะเลือกเลนส์ตัวเลือกที่มาจากบริษัทที่เป็น Third party ก็ได้นะ

2. ระยะเลนส์ 

ระยะของเลนส์ เป็นตัวกำหนดมุมมองภาพที่สำคัญโดยระยะของเลนส์ที่มีระยะสั้น (ตัวเลขน้อย 18 มม. 24 มม.) จะให้มุมมองภาพที่กว้าง ภาพจะออกมาแบบมุมกว้าง เลนส์ที่มีระยะยาว (ตัวเลขมาก 70 มม., 85 มม., 100 มม., 200 มม., 600 มม.) จะให้มุมที่แคบลงตามลำดับ 

3. ชนิดของเลนส์ 

เลนส์ฟิกซ์หรือเลนส์ไพร์ม จะถูกเรียกตามระยะ คือ ระยะคงที่ เช่น (24 mm, 35 mm, 85 mm) ไม่สามารถที่จะซูมเข้าหรือออกได้ ดังนั้นต้องขยับ เคลื่อนที่เข้าใกล้หรือออกห่างจากตัวแบบเอง เพื่อให้ได้ระยะที่ต้องการ แต่คุณสมบัติที่ดีของเลนส์ฟิกซ์ จะมีค่ารูรับแสงที่ปรับได้กว้างกว่า ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า 

เลนส์ซูม จะเป็นเลนส์ที่มีระยะเป็นช่วง เช่น ก็คือความสะดวกในการดึงภาพระยะไกลให้ใกล้เข้ามา เช่น (24-70mm) การทำงานยืดหยุ่นกว่า เพราะสามารถเลือกระยะการใช้งานได้ ไม่ต้องเดินเข้าออกเอง เพียงหมุนซุมก็สามารถซูมถ่ายภาพใกล้ตัวแบบมากกว่าเดิมได้ ถ้าการทำงานที่ต้องใช้ความเร็ว พื้นที่จำกัด เลนส์ซูมค่อนข้างจะตอบโจทย์การทำงานมากกว่า

4. ประเภทของเลนส์ 

เลนส์ถูกแบ่งประเภทตามระยะของเลนส์ เช่น เลนส์มุมกว้าง เลนส์มาตรฐาน เลนส์เทเลโฟโต้ การใช้เลนส์เเต่ละระยะ ก็จะให้ภาพที่ได้ลักษณะภาพที่เเตกต่างกัน เป็นลักษณะเฉพาะของเลนส์เเต่ละประเภท 

1. เลนส์มุมกว้างพิเศษ 14-24MM (ULTRA WIDE ANGLE)

เลนส์ชนิดนี้มักจะใช้ถ่ายในสถานที่จำกัด เเต่ต้องการเก็บภาพรวมทั้งหมด ซึ่งภาพที่ได้จะมีความโค้งงอเเละบิดเบี้ยวไปจากความเป็นจริง ส่วนมากจะเป็นการจัดตำเเหน่งให้จุดโฟกัสอยู่กลางภาพ เเต่จะได้ความเเปลกใหม่ และมุมมองที่แปลกตา

2. เลนส์มุมกว้าง 24-35 MM (WIDE ANGLE)

ภาพที่ได้จะเห็นตัวอย่างได้จากนิตยสารท่องเที่ยว เพราะจะได้เห็นภาพโดยรวมเเบบกว้าง เเละมีความโค้งงอของภาพ ไม่มากนัก ยังคงได้รายละเอียดของภาพที่เห็นธรรมชาติ ไม่ดูผิดธรรมชาติมากเกินไป ทั้งยังสามารถเเก้ไขความบิดงอของภาพในกระบวนการตกเเต่งภาพภายหลังได้อีก

3. เลนส์มาตรฐาน 35-70MM (STANDARD)

เลนส์ที่อยู่ในช่วง 45-50 mm จะให้ภาพที่เสมือนจริงมากที่สุด คือจะมีขนาด รูปร่างที่เหมือนตัวต้นเเบบ โดยส่วนมาก สำหรับผู้เริ่มต้นถ่ายภาพ จะลองถ่ายเลนส์ไพร์ม ในระยะ 50mm f1.8 ซึ่งช่วยฝึกการมองเเละระยะของเลนส์ ฝึกการซูม โดยขยับเข้าออกจากตัวเเบบ โดยปกติเเล้วเลนส์มาตรฐานเป็นเลนส์ที่มีประสิทธิภาพเเต่ไม่เเพงมาก ทั้งยังให้ผลลัพท์ที่น่าพอใจอีกด้วย

4. เลนส์เทเลโฟโต้ 70-300MM (TELEPHOTO)

เป็นเลนส์ที่ใช้ถ่ายภาพที่อยู่ระยะไกล เช่น ภูเขาหรือตึกที่อยู่ในระยะไกล โดยดึงภาพเข้ามาให้ความรู้สึกเหมือนวัตถุถูกดึงเข้ามาใกล้โดยสามารถเลือกที่จะใช้เลนส์ชนิดนึ้ในการถ่ายภาพบุคคล กีฬา หรือถ่ายภาพสัตว์ได้

5. ข้อจำกัดของเลนส์ 

เลนส์น้ำหนักไม่ได้เบาเสมอไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งปกติแล้วเลนส์โปร ที่มีระยะเลนส์ไกล รูรับแสงกว้าง น้ำหนักยิ่งเยอะ ก็เพราะว่าเลนส์โปรจะผลิตด้วยชิ้นเลนส์ที่ออกแบบมาซับซ้อนมากขึ้น ชิ้นเลนส์มีคุณภาพมากขึ้นทั้งยังทนต่อสภาวะอากาศ กันน้ำกันฝุ่น น้ำหนักก็เลยเพิ่มมากขึ้นด้วย เช่นเดียวกับราคาที่จะสูงตามด้วยเช่นกัน 

เลนส์บางตัวบางมีระยะรูรับแสงกว้างที่สุดแต่อาจจะมีปัญหาเรื่องความคมชัดของภาพ การทำงานของออโต้โฟกัสที่ไม่เร็วอย่างที่ใจคิดดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ ถ้ามีโอกาสได้ลอง ก็แนะนำให้ลองใช้ก่อน และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เลือกซื้อจากผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานการผลิตสูง เพราะค่อนข้างมั่นใจในคุณภาพและประสิทธิภาพของเลนส์ 

รวมถึงการรับประกันก็มีความสำคัญด้วย เพราะเลนส์เป็นสินค้าที่มีราคา ต้องลงทุนอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นถ้ามีปัญหาแล้วต้องแก้เอง เสียเงินอีกจำนวนหนึ่งเพื่อการซ่อม หรืออาจจะต้องซื้อตัวใหม่ก็อาจจะไม่คุ้ม ดังนั้นการรับประกันจึงจะช่วยให้เลนส์ไ้ด้รับการดูแลอย่างถูกต้อง เวลามีปัญหาก็มีศูนย์บริการคอยให้คำปรึกษาครับ

×Close search
Search