5 สภาพแสงในการถ่ายภาพที่มือใหม่ควรรู้ และคำแนะนำในการถ่ายภาพ

5 สภาพแสงในการถ่ายภาพที่มือใหม่ควรรู้ และ คำแนะนำสำหรับมือใหม่หัดถ่ายภาพ
สภาพแสงในการถ่ายภาพในธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับ ช่วงเวลาในการถ่ายภาพ, ฤดูกาล, และ ตำแหน่งแสง หรือ ดวงอาทิตย์ สถานที่และองค์ประกอบต่าง ๆ จะทำให้รูปแบบแสงดูแตกต่างไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่แปลกที่จะเห็นว่าช่างภาพส่วนใหญ่จะตามหาช่วงเวลาที่ดีที่สุด แสงสวยที่สุด ในแต่ละสถานที่ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานในการรอ รอเวลา, รอฤดูกาลที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ ภาพสวย อย่างที่ต้องการ

1. ช่วงแสงสีทอง อบอุ่น ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นขอบฟ้าและช่วงบ่าย ก่อนดวงอาทิตย์ตก (Golden Hour) 

ช่วงแสงสีทอง เป็น ช่วงเวลาทอง ที่ ช่างภาพ แนะนำให้ ถ่ายภาพ ในช่วงนี้ เพราะเป็น แสงสีทองที่นุ่ม เติม อารมณ์ภาพ ได้ดี ทั้งยังช่วยให้ ภาพดูสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นการ ถ่ายภาพบุคคล หรือ การถ่ายภาพทิวทัศน์ ช่วงเวลา Golden Hour มักจะให้แสงที่ อบอุ่น และ มีมิติ ที่ทำให้ภาพดูมีชีวิตชีวา และเหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องการ ความนุ่มนวลและสมจริง

การเตรียมตัวในการถ่ายภาพในช่วง Golden Hour ส่วนมากถ้าเป็นการ ถ่ายภาพทิวทัศน์, ความอดทน คือส่วนสำคัญหลัก เพราะต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะ เดินทางไปถึงสถานที่ นั้น ๆ ก่อน แสงในช่วงนั้นจะหมดไป และบางครั้งต้องรอ เพื่อให้ได้ช่วงที่ แสงอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ การ ถ่ายภาพใน Golden Hour ต้องใช้เวลาในการรอ แสงสีทอง ให้ตรงกับองค์ประกอบที่ต้องการ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามและมี มิติที่เหมาะสม

การถ่ายภาพในช่วง Golden Hour มักใช้เทคนิค การถ่ายภาพย้อนแสง เช่น การถ่ายภาพดวงอาทิตย์ขึ้น, ดวงอาทิตย์ตก, หรือ การถ่ายภาพแบบ rim light การถ่ายแบบ silhouette ก็ตาม ดังนั้น ช่างภาพมือใหม่ จึงต้องฝึกฝนทั้ง การตั้งค่ากล้อง, จัดมุมจัดองค์ประกอบ เพื่อให้ ถ่ายภาพย้อนแสง ออกมาได้สวยอย่างที่คิดไว้ การ ถ่ายย้อนแสง ในช่วง Golden Hour ช่วยให้ได้ภาพที่มี มิติ และ ความอบอุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้สร้าง บรรยากาศในภาพ ได้อย่างยอดเยี่ยม

2. ช่วงแสงในช่วงเวลาก่อนดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นบนขอบฟ้า และช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไฟแล้ว (Blue Hour)

ช่วง Blue Hour เป็น ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ ดวงอาทิตย์จะขึ้น เพียงเล็กน้อยและหลังจาก ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่ยังคงเหลือแสงที่ให้ความสว่าง โดยความสวยงามของช่วงระยะเวลานี้คือ แสงของดวงอาทิตย์ ที่กระทบกับ ก้อนเมฆ หรือ ท้องฟ้า หรือ ฝุ่นควันในบรรยากาศ มีสีสันของท้องฟ้าที่สวยอย่างน่าทึ่ง ดูแปลกตา การใช้ ช่วง Blue Hour ในการถ่ายภาพสามารถสร้าง บรรยากาศที่นุ่มนวล และ น่าสนใจ ได้มากสำหรับ การถ่ายภาพวิว หรือ การถ่ายภาพเมืองในช่วงเย็น

หรือถ้าเป็นการ ถ่ายภาพแนว Cityscape ก็จะให้ ความรู้สึกถึงเมืองที่ดูมีชีวิตชีวา เพราะจะเห็น แสงไฟจากตึก และ การเคลื่อนที่ของรถ ที่อยู่บนถนน ในช่วง Blue Hour จะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้กับภาพ เมืองกลางคืน และสร้าง ความน่าสนใจ ให้กับการถ่ายภาพโดยการผสมผสานแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์ได้อย่างลงตัว

การถ่ายภาพในช่วงแสงแบบ Blue Hour เรามักจะเห็นตัวอย่างการถ่ายภาพโดยใช้เทคนิค Long Exposure ใน การถ่ายภาพแบบ Cityscape โดยการถ่ายภาพด้วย โหมดความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ซึ่ง มือใหม่ จะถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น โดยใช้ตัวช่วยในการถ่ายภาพ เช่น ขาตั้งกล้อง, สายลั่นชัตเตอร์ และอย่าลืมถ่ายภาพด้วย RAW เพื่อจะแก้ไขและ ปรับแต่งภาพ ได้ภายหลัง ทำให้ได้ภาพที่มี ความคมชัด และ มิติที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วง Blue Hour ที่แสงมีความนุ่มนวลและสีสันของท้องฟ้าให้ความรู้สึกพิเศษ

3. กลางคืน ไม่มีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ (Night)

การถ่ายภาพกลางคืน เป็น การถ่ายภาพที่ท้าทายสำหรับมือใหม่ เพราะ แสงไม่พอ, ปรับตั้งค่าไม่ได้, หรือ ภาพสั่นเบลอ แต่เป็นภาพที่ให้ผลลัพธ์ที่ดูน่าสนใจ ซึ่งเป็นภาพที่ ช่างภาพหลายคนหลงไหล โดยเฉพาะ สีสันจากแสงไฟยามกลางคืน, โบเก้หลากสี, หรือ การถ่ายภาพแสงดาว, ดาวหมุน, ดวงจันทร์ ที่สร้างความสวยงามและ บรรยากาศ ที่ไม่เหมือนใคร สำหรับมือใหม่ การฝึกถ่ายภาพในที่มืด และการใช้เทคนิค Long Exposure จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

การถ่ายภาพตอนกลางคืน สำหรับมือใหม่เริ่มต้น อาจจะลองใช้ โหมดรูรับแสง เพื่อช่วยในการควบคุมเฉพาะ รูรับแสง แล้วการตั้งค่าอื่นปล่อยให้ กล้องจัดการให้อัตโนมัติ หรือจะใช้ โหมด M เพื่อควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน ตัวช่วยที่อาจจะต้องใช้คือ ไฟเสริม, แฟลช, หรือการใช้ ไฟประดับ เพื่อเพิ่มให้ภาพดู สวยงามขึ้น โดยเฉพาะเมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือ การถ่ายภาพกลางคืน ที่ต้องการเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวแบบหรือพื้นหลัง

ในบางครั้งการเปิดรูรับแสงกว้างที่สุด ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ใช้ได้เสมอไป การปรับความเร็วชัตเตอร์ให้ใช้เวลานานขึ้นก็เป็นทางเลือกที่ดีด้วยเช่นกัน

4. กลางวัน ช่วงแสงสีขาว สว่างจ้า ดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะ  (Mid Daylight)

ช่วงกลางวัน แสงจ้า มักจะเป็นช่วงเวลาที่มักจะถูกแนะนำให้เลี่ยง โดยเฉพาะการ ถ่ายภาพ Portrait เพราะตำแหน่งของ แสง อยู่ด้านข้างของ ตัวแบบ ซึ่งจะสร้าง เงาลึก บนใบหน้าของตัวแบบ แต่ก็มีวิธีที่แก้หรือเสี่ยงไม่ให้ตัวแบบโดน แสงโดยตรง เช่นการใช้ ร่ม, ตาข่าย เพื่อบังแสงให้ ตัวแบบ, หรือการหลบเข้า ร่ม ซึ่งถ้าเลี่ยงไม่ได้ การใช้ ไฟเสริม, แฟลช, หรือ แผ่นสะท้อน จะช่วยลด เงาที่เกิดขึ้น ได้และทำให้ภาพดูสมดุลและมีความนุ่มนวลขึ้น

การถ่ายภาพทิวทัศน์ ในที่แสงจ้า กล้องจะเก็บ รายละเอียดของสีได้น้อยลง เพราะ แสงสว่างที่มีมาก ทำให้ สีที่ได้ จะมี ความเปรียบต่างสีน้อย สีจะดูไม่อิ่ม และยังมี แสงสะท้อน ที่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งที่ช่วยได้ก็คือการใช้ ฟิลเตอร์ เพื่อลด แสงสว่างที่เข้าไปที่เซ็นเซอร์ ซึ่งจะช่วยทำให้ สีอิ่มสวย, สีเข้มขึ้น, และ ภาพทิวทัศน์ ที่ดู เป็นธรรมชาติและสวยเด่นขึ้น การใช้ ฟิลเตอร์ ND หรือ CPL Filter จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการควบคุมแสงและสีในการถ่ายภาพทิวทัศน์ในสภาพแสงจัด

5. ท้องฟ้าครึ้ม แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องลอดลงมาน้อย (Overcast)

การถ่ายภาพในช่วงที่ฟ้าครึ้ม อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่หลายคนชอบนัก เพราะ สีสันที่อึมครึมไม่สดใส, ทั้งยังสร้าง อารมณ์ของภาพที่ดูหม่น และ เศร้าหมอง แต่การถ่ายภาพตอน ฟ้าครึ้ม เหมือนกำลังมี ที่กรองแสงอันใหญ่ ช่วยให้ แสงไม่แข็ง และ แสงที่ส่องกระทบตัวแบบ เป็น แสงที่นุ่ม ถึงแม้จะเป็นการถ่ายภาพในช่วงกลางวันก็ตาม การใช้ แสงจากฟ้าครึ้ม ทำให้ภาพดู มีมิติ และ เน้นรายละเอียดของตัวแบบ โดยไม่ทำให้ภาพดู แข็งเกินไป หรือ มีเงาลึก

แต่ท้องฟ้าในวันที่มีเมฆมาก ก็เป็นโอกาสดีที่จะถ่ายภาพรายละเอียดของก้อนเมฆ และลำแสงที่ลอดผ่านจากก้อนเมฆ ซึ่งในบางจังหวะจะสามารถเก็บภาพที่สวยงามอย่างคาดไม่ถึงได้ 

เทคนิคการถ่ายอาหารด้วยแสงธรรมชาติ แค่มีมือถือ!! ก็ถ่ายได้สวยอย่างมือโปร

ผู้เขียน