fbpx
skip to Main Content

เทียบความต่าง ATEM Mini VS ATEM Mini Pro ต่างกันอย่างไร?

ATEM Mini Switcher เป็นตัวควบคุมที่ช่วยตัดสลับภาพและเสียงในการ Live Stream กรณีที่มีกล้องมากกว่า 1 ตัว แต่ไม่ใช่เฉพาะกล้องเท่านั้น เพราะสามารถต่อเข้ากับแหล่งที่มาของภาพได้หลากหลาย ทั้งคอมพิวเตอร์ แล็บท็อป หรือแม้แต่สมาร์ทโฟน ที่เราต้องการนำเสนอภาพในการไลฟ์ได้ด้วย

ATEM Mini Switcher ของ Blackmagic Design มี 2 รุ่นด้วยกัน คือ รุ่นธรรมดา และรุ่น Pro โดยในรุ่น Pro จะมีฟังก์ชั่นเหมือนกับรุ่นธรรมดาทุกอย่าง แต่จะมีความพิเศษเพิ่มเข้ามาที่ทำให้รุ่น Pro ราคาสูงกว่า

ความสามารถที่ ATEM Mini ทั้ง 2 รุ่นนี้มีเหมือนกัน

1. นำเสนอภาพได้พร้อมกัน 4 ช่องทาง ควบคุมระบบภาพเเละเสียงได้ในที่เดียว ATEM Mini ทั้ง 2 รุ่นมีพอร์ต HDMI input ถึง 4 ช่อง สามารถต่อเข้ากับกล้องและแหล่งนำเสนอภาพได้มากสุด 4 ช่องทาง รองรับการทำงานกับกล้องได้หลายเเบรนด์ และมีช่องเสียบไมโครโฟน 3.5mm 2 ช่อง ซึ่งรับได้ทั้งภาพเเละเสียงไปพร้อมกัน อาจจะเลือกใช้กล้องและเลนส์ในระยะที่เเตกต่าง หรือเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์สำหรับภาพนิ่ง PowerPoint และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสำหรับการไลฟ์ในแนวตั้ง เพื่อสร้างมุมมองที่เเตกต่างและหลากหลายให้กับการไลฟ์ของเราได้

2. Stream ไปยังคอมพิวเตอร์ได้ความละเอียดระดับ Full HD การแสดงภาพ ATEM Mini ทั้ง 2 รุ่นก็มีพอร์ต USB-C Output ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง จะทำงานเสมือนว่าเป็น Webcam ตัวหนึ่ง ใช้งานร่วมกับซอร์ตเเวร์ที่เคยทำงานร่วมกับ Webcam ได้ เช่น YouTube Live, Facebook Live, Skype, Twitch TV เป็นต้น ซึ่งถ้าเชื่อต่อกับกล้องคุณภาพสูง จะได้ภาพความละเอียดแบบ Full HD 1080p60fps ความละเอียดสี 4:2:2 10-Bit จึงให้ภาพที่คมชัด สีสวย พร้อมเป็น Capture Card ในตัวด้วย

3. แผงควบคุมใช้งานง่าย ควบคุมระบบภาพเเละเสียงได้เพียงคนเดียว แผงควบคุมของ Blackmagic Design ATEM Mini ใช้งานได้ง่ายมากๆ เพราะมีปุ่มกดที่ใช้สัญลักษณ์ซึ่งเข้าใจง่าย สามารถปรับเปลี่ยนการเข้าออก การเปลี่ยนมุมกล้อง สามารถควบคุมได้ทั้งภาพเเละเสียงในขณะเดียวกันเพียงแค่กดเเป้นตัวเลข 1-4 และปุ่มควบคุมด้านบน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานเพียงลำพัง หรือต้องการลดจำนวนคนและลดขั้นตอนในการทำงาน

4. Built-in DVE และ RGBA graphicsให้เอฟเฟกต์ภาพที่น่าตื่นเต้น ATEM Mini ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับ Built-in DVE และ RGBA graphics ซึ่งมีให้เลือกใช้ถึง 20 แบบ ทั้งกราฟิคเปิดเรื่อง ชื่อเรื่อง โลโก้ หรือ transition เปลี่ยนฉาก เช่น dissolve ที่ให้ภาพค่อยๆจางลงแล้วเปลี่ยนไปอีกภาพนึงที่เราเลือก หรือเอฟเฟค picture in picture เลือกให้ภาพซ้อนภาพนั่นเอง เเละยังสามารถโหลดเพิ่มได้ผ่าน ATEM Photoshop plug-in ด้วย พร้อมทั้งมี effect พิเศษ ที่เป็นตัวช่วยเพิ่มลูกเล่น กราฟฟิค สำหรับงานวีดิโอให้หลากหลาย เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เเละความเป็นมืออาชีพในการสร้างสรรค์งานวีดิโอ

ความแตกต่างที่รุ่น Pro มีเพิ่มเข้ามาต่างจากรุ่นธรรมดา

1. ระบบ Multiview ดูภาพจาก 4 ช่องสัญญาณได้พร้อมกัน ATEM Mini Pro มีระบบ Multiview ที่สามารถดูภาพจาก 4 ช่องสัญญาณ รวมถึงสถานะการบันทึก การสตรีมมิ่ง และระดับเสียงได้พร้อมกัน ซึ่งเป็นข้อดีๆมากๆ เพราะจะเห็นเหตุการณ์แบบ real time ได้จากกล้องทุกตัว ทำให้สามารถ monitor ควบคุมการแสดงภาพในเวลาสำคัญได

2. บันทึกไฟล์วีดีโอลง SSD ได้ทันที ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้การถ่ายวีดิโอได้นานขึ้น ATEM Mini Pro สามารถบันทึกไฟล์วีดีโอแบบ H.264 ระหว่างการ live streaming ลง SSD หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำรองได้เลยทันที ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่การบันทึกภาพ ให้การถ่ายวีดิโอทำได้นานขึ้น เพราะถ้ากดบันทึกวิดีโอการ live streaming แล้วต้องใช้เวลานาน ไฟล์ก็จะมีขนาดใหญ่ การใช้คอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลเพียงอย่างเดียวก็อาจจะลำบาก เพราะฉะนั้น ATEM Mini Pro จึงอัพเกรดเพื่อให้บันทึกข้อมูลไปยัง SSD โดยตรงได้เลย

สรุป

ถึงแม้ว่าตัว ATEM Mini Pro จะราคาสูงกว่าตัวธรรมดาถึง 2 เท่าด้วยกัน แต่ก็ต้องยอมให้ความสามารถที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น Pro เพราะหากต้องทำงาน โปรดักชั่นใหญ่ๆ ที่ต้องมีการมอนิเตอร์ภาพ หรือกล้องหลายตัวพร้อมๆกัน ระบบ Multiview ซึ่งถือว่ามีคตวามจำเป็นต่อการใช้งาน รวมไปถึงการบันทึกภาพลง SSD ซึ่งตัวนี้จะทำให้เราบันทึกภาพและ live streaming ได้ต่อเนื่องนานยิ่งขึ้น
แต่หากใครต้องการทำ live ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องควบคุมภาพ วินาทีต่อวินาที สำหรับรุ่นธรรมดา ก็ถือว่าเป็นการตอบโจทย์การใช้งานแล้วครับ

×Close search
Search