DJI Mavic Air 2 vs DJI Mavic Mini รุ่นไหนดีถึงจะเหมาะกับเราที่สุด โดรนสองรุ่นที่มีจุดเด่นเรื่องความเบา เล็ก กระทัดรัดพกพาง่าย ของทั้ง DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini คุณสมบัติที่เป็นโดรนที่มีความคล่องตัวสูง ถ่ายภาพเเละวิดีโอได้ดี ทั้งยังบินง่าย ควบคุมง่าย มีความสามารถสูงทั้งการถ่ายภาพเเละวิดีโอ
ดังนั้นลองมากันดูว่า ถ้าจะเลือกซื้อโดรนระหว่าง DJI Mavic Air 2 vs DJI Mavic Mini รุ่นไหนดีถึงจะเหมาะกับเราที่สุด
DJI Mavic Air 2 vs DJI Mavic Mini รุ่นไหนดีถึงจะเหมาะกับเราที่สุด
น้ำหนักเบา กระทัดรัด พับเก็บได้ พกพาไปไหนก็สะดวก
DJI Mavic Air 2 vs DJI Mavic Mini เป็นโดรนที่ถือว่ามีน้ำหนักเบา เเละขนาดเล็ก พับเก็บได้ เเถมยังสะดวกในการพกพาไปท่องเที่ยวได้ พกใส่เป้ กระเป๋าใบเล็ก หรือใส่กระเป๋าเดินทางเเบบ Carry on ถือขึ้นเครื่องได้เลย
จะมีก็เเต่ความเเตกต่างเรื่องน้ำหนักของ DJI Mavic Air 2 ที่จะหนักกว่า DJI Mavic Mini เล็กน้อย โดยที่ DJI Mavic Air 2 มีน้ำหนัก 570 กรัม และ DJI Mavic Mini มีน้ำหนัก 250 กรัม โดยเมื่อดูจากขนาดเล็ก เเละความเบาของ DJI Mavic Mini ที่น้ำหนักเบากว่าจะถือ พกพา เเละใช้งานก็ได้สะดวกกว่า และไม่เป็นที่ดึงดูดสายตาเมื่อใช้งาน หรือเป็นจุดสังเกตมากเกินไป
สรุป DJI Mavic Mini ขนาดเล็ก เเละพกพาได้ง่าย ทั้งยังน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความคล่องตัวสูง การเดินทางที่ต้องจำกัดน้ำหนัก หรืองานที่ไม่ต้องการให้อุปกรณ์เป็นจุดสนใจมากนัก
ภาพสวยคมชัด สีสันสมจริง ถ่ายภาพและวีดิโอได้นิ่ง เพราะมีกันสั่น 3 แกน
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini มีความสามารถด้านการถ่ายภาพและวีดิโอที่น่าทึ่ง รองรับการบันทึกผลเเบบ H.264 ภาพสวยคมชัด สีสันสมจริง ด้วยเซ็นเซอร์ที่ใหญ่ เลนส์ 24mm ให้มุมรับภาพที่กว้าง รูรับเเสง f/2.8 ให้ภาพที่มีรายละเอียดสูง พร้อมกันสั่น 3 แกนเพื่อให้ได้ภาพเเละวีดิโอที่นิ่ง คมชัด ไม่เบลอ
อย่างไรก็ตาม DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini มีขนาดของเซ็นเซอร์ที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย เเทบจะไม่ต่างกันเลยก็ว่าได้ โดยที่ DJI Mavic Air 2 มีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 1/2 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า DJI Mavic Mini ที่มีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 1/2.3 นิ้ว
เเต่ความละเอียดภาพสูงสุดจาก DJI Mavic Air 2 มีความละเอียดถึง 48 ล้านพิกเซล บันทึกภาพด้วยไฟล์ JPEG/DNG (RAW) ในขณะที่ 12 ล้านพิกเซล คือความละเอียดภาพสูงสุดของ DJI Mavic Mini บันทึกไฟล์เเบบ JPEG เท่านั้น
สรุป DJI Mavic Air 2 มีเซ็นเซอร์ที่ใหญ่กว่า มีความละเอียดภาพสูงสุด 48 ล้านพิกเซล จึงมีคุณสมบัติในการถ่ายภาพ ความคมชัดสวยงามที่สูงกว่า DJI Mavic Mini เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความละเอียดของภาพ เเละความคมชัดสูง
ถ่ายวิดีโอได้สวย ความละเอียดสูง เก็บรายละเอียดภาพได้ดี พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้งานวีดิโอโดดเด่นเเบบมืออาชีพ
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini ถ่ายงานวิดิโอได้สวย ฟีเจอร์ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เเละสร้างงานได้จากจินตนาการได้อย่างเต็มที่ ทั้งโหมดการบินอัตโนมัติที่หลากหลาย รูปเเบบการบินที่ทำให้งานออกมาดูน่าสนใจ ไม่ซ้ำเเบบ
ด้วยการอัพเกรด DJI Mavic Air 2 เพื่อให้รองรับการทำงานด้านวิดีโอเเละภาพยนตร์ ทำให้มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าอยู่หลายด้าน เช่น การถ่ายวิดีโอแบบ 4K/60 fps และการถ่าย Timelapse ที่ความละเอียด 8K ที่ถูกนำคุณสมบัติมาใส่ไว้ในรุ่นนี้ อย่างไรก็ตามผู้ใช้สามารถเลือกที่จะใช้โหมดความละเอียดต่ำได้ทั้งแบบ 4K , 2.7K และ 1080 ก็ได้ เเต่สำหรับ DJI Mavic Mini ยังคงให้ความละเอียดของงานวีดิโอเพียง 2.7K/30p เท่านั้น
สรุป สำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องถ่ายวิดีโออย่างจริงจัง เเละคุณภาพสูง DJI Mavic Air 2 ถูกอัพเกรดคุณสมบัติเพื่อให้รองรับการทำงานด้านวิดีโอเเละภาพยนตร์สำหรับผู้เริ่มต้นเลยล่ะ
บินเก็บภาพประทับใจได้นาน บินได้ไกล บินได้เร็ว
ขนาดเล็กเเละนำ้หนักเบา DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini จึงใช้เวลาบินได้ยาวนานขึ้น ไกลขึ้น เร็วขึ้น เพื่อให้เก็บภาพกิจกรรม การท่องเที่ยว หรือถ่ายภาพ Landscape กับเเสงสวย ๆ ได้นานขึ้นขอบเขตการบินก็กว้างขึ้นด้วย
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini มีความสามารถที่บินอยู่ได้นานใกล้เคียงกันคือ DJI Mavic Air 2 บินได้นาน 34 นาที เเละ DJI Mavic Mini บินได้ 30 นาที ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สามารถเก็บความประทับใจ เเละไม่พลาดโอกาสสำคัญ
ด้านความสามารถบินไกลนั้น DJI Mavic Air 2 บินได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร ถือว่าไกลมากจริง ๆ ส่วน DJI Mavic Mini บินได้ไกล 4 กิโลเมตร
ส่วนด้านความเร็วจะเเตกต่างกันพอสมควร เพราะ DJI Mavic Air 2 บินได้เร็ว 68 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแถมยังบิน Tracking วัตถุได้อย่างเเม่นยำเเต่ DJI Mavic Mini บินได้เร็ว 46.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สรุป DJI Mavic Air 2 บินได้นาน บินได้ไกล บินได้เร็วกว่า DJI Mavic Mini เหมาะสำหรับการทำงานวีดิโอที่ต้องใช้เวลารอจังหวะ ช่วงเวลาเป็นระยะเวลานาน เเละการบินติดตามวัตถุที่มีความเร็ว เช่น รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือการถ่ายงานด้านกีฬาที่ใช้ความเร็ว หรือกีฬาผาดโผน ซึ่งถ้าหากเป็นงานโดยทั่วไป ท่องเที่ยว หรือถ่ายภาพถ่ายวิดีโอความประทับใจเก็บไว้ DJI Mavic Mini ก็ทำได้ดีเหมาะสมกับการใช้งานเเล้ว
ถ่ายทอดสดภาพจากกล้องโดรนได้ชัด ส่งสัญญานควบคุมได้ไกล
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini เป็นโดรนที่ถ่ายภาพได้ชัดเจน คมชัด พร้อมส่งสัญญาณถ่ายทอดได้ไกล โดยใน DJI Mavic Air 2 ส่งสัญญาณวิดีโอได้ไกล 10 กิโลเมตร ความละเอียด 1080p เเละ Mavic Mini ความละเอียด HD เเละส่งสัญญาณวิดีโอได้ไกล 4 กิโลเมตร
สรุป DJI Mavic Air 2 ถ่ายทอดสดภาพจากกล้องโดรนได้ชัดกว่าเเละ ส่งสัญญาณควบคุมได้ไกลกว่า
บินอย่างปลอดภัย ร่อนลงจดง่าย เพราะมีเซ็นเซอร์ด้านล่างช่วยในการลงจอด
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini ระบบป้องกันสำหรับการบิน ทั้งยังมีเซ็นเซอร์ด้านล่าง เพื่อช่วยให้ลงจอดได้อย่างเเม่นยำเเละนิ่มนวล
DJI Mavic Air 2 มีเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 3 ทิศทาง ด้านหน้า, หลัง และด้านล่าง สามารถหยุดบินโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ในทิศทางที่จะไป ส่วน DJI Mavic Mini มีเซ็นเซอร์ด้านล่าง ช่วยในการลงจอดที่แม่นยำ พร้อมระบบ GPS ระบุตำแหน่ง เเละมีตัวเสริมใบพัด เพื่อให้บินอย่างปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง
สรุป เรื่องความปลอดภัย DJI Mavic Air 2 อาจจะดูเด่นกว่าเรื่องการมีเซ็นเซอร์หน้าหลัง เพื่อช่วยสร้างเเผนที่เเละหลบหลีกสิ่งกีดขวาง
ควบคุมง่ายด้วยเเอพพลิเคชั่นช่วยบิน DJI Fly App ที่ช่วยให้มือใหม่บังคับบินโดรนได้ง่ายขึ้น พร้อมเทมเพลตงานวีดิโอ ตกเเต่งงานวีดิโอได้ง่าย เปลี่ยนสีเปลี่ยนโทนได้ อัพลงโซเชียลได้ทันที
DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini มีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้การควบคุมโดรนเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นกับการบินโดรน โดยใน DJI Mavic Mini มีฟีเจอร์สอนบิน (flight tutorial) ให้กับผู้เริ่มต้นอีกด้วย
ข้อเเตกต่าง DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini อยู่ที่รูปลักษณ์ของรีโมตคอนโทรล คือ DJI Mavic Air 2 จะมีการปรับที่จับยึดให้เเน่นกระชับมือ จับง่ายมากขั้น พร้อมการลดเสาอากาศ เป็นเเบบไม่มีเสา จากเดิมที่มีเสาสัญญาณสองเสาซ้ายขวา
สรุป DJI Mavic Air 2 และ DJI Mavic Mini มีแอพพลิเคชั่นจาก DJI ที่ช่วยให้ควบคุมง่าย จัดการไฟล์ด่วนโพสลงโซเชียลได้ ช่วยในการวางเฟรมถ่ายวิดีโอ พร้อมเทมเพลตการทำงานวีดิโอด้วย พร้อมกับการปรับให้ใช้ร่วมกับเเอพพลิเคชั่นอื่นของ DJI เพื่อการทำงานที่สะดวก เเละให้ผลงานที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น
เมื่อดูจากคุณสมบัติโดยรวม จะเห็นว่า DJI Mavic Air 2 มีคุณสมบัติที่เหนือกว่า DJI Mavic mini ไปบ้าง ก็เพราะการออกเเบบเพื่อให้รองรับการทำงานที่หนักหน่วง เเละจริงจังด้านการถ่ายภาพนิ่ง วิดีโอ เเละการทำงานด้านภาพยนตร์ รวมทั้งราคาก็สูงกว่าเป็นเท่าตัว
ดังนั้นการที่จะเลือกว่า รุ่นไหนดีถึงจะเหมาะกับเราที่สุด ก็ต้องกลับมาพิจารณาดูความเหมาะสมกับงาน กับงบประมาณที่เราวางไว้ ถ้ามือใหม่อยากใช้เพื่อการถ่ายภาพท่องเที่ยวสนุก ๆ ในครอบครัว เที่ยวกับเเฟน ทำ blog พกพาง่าย เเบกไม่หนัก ไม่เป็นภาระ DJI Mavic mini ก็ตอบโจทย์เเล้วล่ะนะ เเต่ถ้ามีงบสูงขึ้น งานจริงจังมากขึ้นด้านงานวีดิโอ YouTuber งานสร้างภาพยนตร์ filmaker ที่ต้องการงานที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น ก็อาจจะเลือกพิจารณา DJI Mavic Air 2 ด้วยคุณสมบัติที่รองรับการทำงานด้านนี้ได้ดี