วิธีทำให้การถ่ายวิดีโอด้วยมือถือของเราดูดีขึ้น น่าสนใจขึ้น และใช้งานได้จริง ตอนนี้หลายคนใช้ กล้องมือถือในการถ่ายวิดีโอ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ซึ่งถ้าหากใครต้องการใช้กล้องมือถือให้เต็มประสิทธิภาพแบบที่ทำได้จริง ๆ ลองดูคอนเทนต์นี้ครับ เพราะผมจะพาทุกคน ถ่ายวิดีโอด้วยมือถือให้ดีที่สุดเท่าที่กล้องของเราทำได้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
- 1.วิธีการตั้งค่าในการถ่ายวิดีโอด้วยมือถือให้ได้ไฟล์ที่คมชัด
- 2. อัพเกรดคุณภาพเสียงด้วยการใช้ไมโครโฟนแยกจากภายนอก
- 3. ควรใช้มุมกล้องที่หลากหลายช่วยให้เล่าเรื่องได้มากขึ้น
- 4. ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอกับการถ่ายวิดีโอ และควรเลือกทิศทางแสงให้เหมาะสม
- 5. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ Application สำหรับการถ่ายวิดีโอมาใช้ จะช่วยให้ควบคุมการทำงานของกล้องได้เต็มประสิทธิภาพ
- 6. ใช้เคสมือถือสำหรับการถ่ายวิดีโอ ช่วยเรื่องการจัดการได้เยอะ

ในนี้จะมีเรื่องของ คุณภาพไฟล์วิดีโอ และคุณภาพเนื้อเสียง กับการถ่ายรวม ๆ กันทั้งหมดนะ
1.วิธีการตั้งค่าในการถ่ายวิดีโอด้วยมือถือให้ได้ไฟล์ที่คมชัด
เริ่มต้นให้เราตั้งค่า ความละเอียดของไฟล์วิดีโอให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก่อน ส่วนใหญ่ กล้องมือถือ จะถ่ายได้สูงสุดที่ 4K หรือบางรุ่นที่พิเศษอาจจะตั้งได้ถึง 8K ให้เราดูว่าเราจะใช้งานในระดับไหน เช่น ถ่ายเพื่อโพสต์โซเชียลหรือใช้ในงานจริง จากนั้นก็เลือกความละเอียดให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ครับ

แต่ที่ผมอยากจะเพิ่มพิเศษคือ สำหรับมือถือใครที่สามารถ ถ่ายวิดีโอในโหมด HDR ได้ แนะนำให้ เปิดใช้งานไว้เลยครับ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการ ถ่ายย้อนแสง บ่อยหรือถ่ายในช่วง กลางแจ้งที่มีทั้งแดดแรงและเงาเยอะ โหมดนี้จะช่วยให้วิดีโอของเรามี รายละเอียดครบทั้งส่วนสว่างและส่วนมืด ทำให้ภาพดูสมดุล สีสวย และดูมีมิติมากขึ้นครับ
2. อัพเกรดคุณภาพเสียงด้วยการใช้ไมโครโฟนแยกจากภายนอก
ในเรื่องของ เสียง ปกติแล้วเราจะใช้ ไมโครโฟนของตัวมือถือ ซึ่งมีขนาดเล็กและพอใช้งานได้สำหรับการบันทึกคอนเทนต์วิดีโอทั่วไป แต่ถ้าเกิดเราต้องการ คุณภาพเสียงที่ชัด คม และมืออาชีพมากขึ้น แนะนำให้ อัปเกรดไมโครโฟนที่ใช้ เพราะไมค์ที่ดีจะช่วยให้เสียงพูดของเรามีมิติ ลดเสียงรบกวน และทำให้วิดีโอดูน่าฟังมากยิ่งขึ้นครับ

ในตัวอย่างนี้ผมอัพเกรดเสียงโดยใช้ ไมโครโฟนแยกจากภายนอก ซึ่งเป็น Wireless Microphone ทำให้เนื้อเสียงที่ได้จากการพูดแล้วก็การเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ดีขึ้นแน่นอน

การที่มีคุณภาพเสียงที่ดีทำให้วิดีโอของเรานั้นมีความเป็นมืออาชีพขึ้น วิดีโอไม่ได้มีแค่การเคลื่อนไหวอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของเสียงด้วยที่จะทำให้คนดูอินกับเนื้อหาที่นำเสนอมากขึ้น

3. ควรใช้มุมกล้องที่หลากหลายช่วยให้เล่าเรื่องได้มากขึ้น
จุดที่กล้องมือถือทำได้ดีมาก ๆ เลยก็คือเรื่องของ เลนส์กล้อง ที่มีเยอะ และคุณภาพสูงด้วย ซึ่งการเลือกใช้มุมกล้องที่หลากหลายในการเล่าเรื่องจะทำให้วิดีโอของเรามีมิติในการเล่าเรื่องที่หลากหลาย

ยกตัวอย่างมุมกว้าง ก็จะใช้เล่าเรื่องในบรรยากาศโดยรวม หรือมุมกล้องหลักที่ใช้ทั่วไปในการนำเสนอผมอาจจะเลือกใช้เลนส์ที่มีช่วงซูมเยอะขึ้นในการบอกเล่ารายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ให้ลึกกว่าเดิม ทำให้คนดูเห็นรายละเอียดเพิ่มเข้าไปอีก

ผมยกตัวอย่างเรื่องมุมกล้องแค่สองมุมเพื่อให้เข้าใจง่ายและลองทำตามได้ง่ายครับ แต่ถ้ากล้องเรามีมุมกล้องเยอะกว่านั้น ผมแนะนำลองใช้ดูนะ ทำให้เราสามารถเล่ารายละเอียดในวิดีโอได้เยอะ
4. ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอกับการถ่ายวิดีโอ และควรเลือกทิศทางแสงให้เหมาะสม
สำหรับเรื่องของ แสงสว่าง เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในงานวิดีโอ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมือถือหรือกล้องมืออาชีพ ก็ต้องการแสงที่ดีเหมือนกันทั้งหมด ดังนั้นเราควรเลือกพื้นที่ที่มี แสงธรรมชาติสวย ๆ เคล็ดลับในการเลือกแสงคือ หากถ่าย นอกสถานที่ แนะนำให้ถ่ายในช่วงที่แสงแดดนุ่ม ไม่แรงจัด เช่น ช่วงเช้าก่อนสาย ๆ ซึ่งแสงจะนุ่มนวลและสวยมาก หรือ ช่วงบ่ายประมาณ 4–5 โมงเย็น ที่แสงเริ่มอ่อนลง ยิ่งใกล้เย็น แสงก็จะยิ่งละมุนและให้โทนอบอุ่นครับ

แต่ถ้าเลี่ยงที่จะ ถ่ายในช่วงแสงแดดแรงไม่ได้ ควรหาพื้นที่ที่มีร่มเงา เช่น ใต้ต้นไม้หรือบริเวณที่มีร่มไม้มาบัง จะช่วยลดแสงจ้าที่กระทบกับตัวแบบได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาในการถ่ายยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
ถ้าถ่าย ในบ้านหรือในห้อง แนะนำให้ใช้ แสงธรรมชาติจากหน้าต่าง เป็นหลัก เพราะให้โทนแสงที่นุ่มและสวยเป็นธรรมชาติ แต่หากแสงไม่พอ ควร ลงทุนกับไฟสตูดิโอ ซึ่งจะช่วยให้เราได้แสงที่คงที่และเหมาะสม โดยเฉพาะเวลาถ่ายตอนกลางคืนที่ไม่มีแสงหน้าต่าง ไฟสตูดิโอก็ยังช่วยสร้าง ความสว่างและโทนภาพที่สวยงาม ได้เช่นกันครับ

5. ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ Application สำหรับการถ่ายวิดีโอมาใช้ จะช่วยให้ควบคุมการทำงานของกล้องได้เต็มประสิทธิภาพ
การใช้ แอพพลิเคชั่น ก็เป็นส่วนสำคัญอย่างมากใน การถ่ายวิดีโอ โดยเฉพาะ iPhone แอพเดิม ๆ ใช้งานง่ายจริง แต่การจะทำงานแบบปรับอะไรเยอะแยะนี่ต้องใช้แอพแยกอย่างเดียว

ส่วนเครื่องของ Android ส่วนใหญ่จะมี Pro Mode อยู่ เราสามารถที่จะใช้ Pro Mode นี้ในการควบคุม การถ่ายวิดีโอ ได้เลย คือสามารถเลือกตั้งค่าทุกอย่างได้อิสระ แต่ถ้าหากใช้แอพพลิเคชั่นแยก ยกตัวอย่าง Flimic Pro อันนี้ก็จะมีการตั้งค่าอะไรต่าง ๆ ได้เยอะมากกว่าครับ

6. ใช้เคสมือถือสำหรับการถ่ายวิดีโอ ช่วยเรื่องการจัดการได้เยอะ
สิ่งที่หลายคนอาจจะมองข้ามกันคือ การใช้ เคสมือถือสำหรับถ่ายวิดีโอ จะช่วยเรื่องของการจัดการต่าง ๆ ได้เยอะเลย ถ้ายกตัวอย่าง กล้อง Mirrorless ก็จะมีพวก Cage ที่ใส่ตรงบอดี้กล้องให้สามารถที่จะรองรับการติดตั้ง อุปกรณ์เสริม ต่าง ๆ ได้ เช่น ไมค์แยก, จอแยก
แต่มือถือการมี Case ที่สามารถต่ออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้มากขึ้น ก็จะช่วยเรื่องของการต่อไมค์แยก หรือ การติดตั้งชุดไฟ ก็สามารถที่จะทำให้เราเพิ่มสิ่งที่ต้องการในการถ่ายทำได้มากขึ้น
ไฟสตูดิโอ Nanlite นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย COB สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านกล้องและร้านแกดเจ็ตชั้นนำทั่วประเทศ
ผู้เขียน

Lnwgadget
แก็ดเจ็ตขั้นเทพ โดยกูรูเพื่อคนรักแก็ดเจ็ตอย่างแท้ทรู ประกันศูนย์ไทย VAT พร้อมส่ง Same Day Delivery* ออกใบกำกับภาษี