พรีวิว DJI RS 3 MINI กิมบอลรุ่นใหม่ สเปคเกินคุ้ม ราคาเกินคาด งบแค่หมื่นเดียวแต่ได้กันสั่นแบบกล้องมืออาชีพ

January 10, 2023
DJI

พรีวิว DJI RS 3 Mini กิมบอลรุ่นใหม่ สเปคเกินคุ้ม ราคาเกินคาด งบแค่หมื่นเดียวแต่ได้กันสั่นแบบกล้องมืออาชีพ ซึ่งเป็น Gimbal Stabilizer รุ่นใหม่จาก DJI ที่ออกแบบมาได้เกินคาดมากครับสำหรับรุ่นนี้ เพราะ DJI ได้เน้นราคาที่เข้าถึงง่ายสุด ๆ จากที่เคยมีมาและยังให้สเปคที่เทียบชั้ Gimbal มืออาชีพได้สบาย

พรีวิว DJI RS 3 MINI กิมบอลรุ่นใหม่ สเปคเกินคุ้ม ราคาเกินคาด งบแค่หมื่นเดียวแต่ได้กันสั่นแบบกล้องมืออาชีพ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

คุ้มค่าที่สุดในตลาด งบ 10,590 บาท (ราคาเปิดตัว) แต่ได้ Gimbal ที่รับน้ำหนักกล้องระดับมืออาชีพได้ และเป็นแบรนด์ DJI
รองรับน้ำหนักได้เยอะ ใช้ได้กับกล้อง Sony A7S III + เลนส์ 24-70mm F2.8 G Master ได้เลย (น้ำหนักสเปครับได้ 2kg)
ถ่ายได้แนวตั้งและแนวนอน รองรับการทำคอนเทนต์ในปัจจุบัน และมาพร้อมระบบล็อคแบบใหม่
Quick Release แบบ 2 ชั้น ทำให้ปลดล็อคกล้อง และติดตั้งได้ง่าย รวดเร็วกว่าเดิม
น้ำหนักเบา 0.8kg เท่านั้นเอง พกพาสะดวก ใช้งานกับกล้องก็ได้น้ำหนักที่เบา
หน้าจอสัมผัส 2.4 นิ้ว สั่งงานได้สะดวกรวดเร็ว
การใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องสูงสุดด 10 ชั่วโมง

งบคุ้มค่าที่สุดในตลาดแค่ 10,590 บาท แต่สเปคเหมือนกิมบอลระดับมือโปร

DJI RS 3 Mini เป็นรุ่นที่ออกมาใหม่เพื่อเจาะกลุ่มคนที่ถ่ายคอนเทนต์ในระดับเริ่มต้นไปจนถึงมือโปร ที่อยากได้ Gimbal ในงบท่ีเน้นความคุ้มค่าที่สุด สามารถใช้กับกล้องเลนส์ใหญ่ได้ในราคาไม่สูง ซึ่งรุ่นนี้ออกแบบและทำมาได้เป็นอย่างดีในราคาเพียงแค่ 10,590 บาทเท่านั้นเอง

ใช้กับกล้องและเลนส์โปรได้ เหมาะกับมือใหม่และมืออาชีพสายคอนเทนต์

DJI RS 3 Mini ผ่านการทดสอบในการบาลานซ์และใช้งานร่วมกับกล้อง Sony A7S III คู่กับเลนส์ 24-70mm F2.8 G Master ซึ่งเป็นเลนส์ระดับมืออาชีพ เป็นตัวยืนยันว่าตอบโจทย์สายคอนเทนต์ที่ต้องการใช้กล้องเลนส์โปรได้สบาย

ถ่ายวิดีโอแบบแนวตั้งได้เลย ใช้กล้องใหญ่ถ่าย Tiktok, Reels, Shorts ได้

สำหรับคนที่ถ่ายงานคอนเทนต์ประเภทแนวตั้งไม่ว่าจะเป็น YouTube Shorts, Facebook & Instagram Reels, Tiktok สามารถใช้ Gimbal ตั้งนี้ในการถ่ายวิดีโอได้เลย เนื่องจากตัว Gimbal สามารถที่จะบาลานซ์ในแนวตั้งได้ด้วย ช่วยให้สายคอนเทนต์ทุกแนวใช้ Gimbal ตัวนี้ได้แน่นอน

มี Quick Release แบบ 2 ชั้น ทำให้ถอดกล้องออกและใส่กลับเข้าไปที่ Gimbal ได้แบบไม่ต้องบาลานซ์ใหม่

จุดเด่นที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ Gimbal จะออกมาให้เป็น Quick Release แบบ 2 ชั้น สามารถที่จะถอดกล้องออกจากตัว Gimbal เพื่อนำไปใช้กับขาตั้งอื่น หรือการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แล้วสามารถนำกลับมาติดตั้งกับตัว Gimbal ได้เหมือนเดิมโดยที่ไม่ต้องทำการบาลานซ์แต่อย่างใด จุดเด่นนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับการทำงานได้อย่างมาก

สั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัสได้สะดวก เมนูใช้งานง่าย

สามารถที่จะสั่งงานทุกอย่างผ่านหน้าจอสัมผัสได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนโหมด ปรับ Auto Calibration หรือปรับตั้งค่าอื่น ๆ ตามที่ต้องการ ก็สามารถที่จะสั่งงานได้ง่าย เมนูทุกอย่างเน้นความเข้าใจที่ง่ายในการใช้งาน

น้ำหนักเบาแค่ 0.8kg พกไปได้ทุกที่แบบชิล ๆ

ตัว Gimbal ออกแบบให้มีน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษเพียง 0.8 กิโลกรัม ช่วยให้เกิดความคล่องตัวมาก ๆ ในการเดินทางท่องเที่ยว หรือการถ่ายวิดีโอคอนเทนต์

ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง ด้วยการชาร์จเพียงแค่ครั้งเดียว ถ่ายงานได้ตลอดทั้งวัน

รองรับการใช้งานต่อเนื่องมากถึง 10 ชั่วโมง ซึ่งตอบโจทย์การทำงานนอกสถานที่ตลอดทั้งวัน ช่วยให้คนที่ทำงานคอนเทนต์ท่องเที่ยว สตูดิโอ หรืองานอีเวนต์ที่ต้องการทำงานตลอดวันนั้น เราสามารถใช้ Gimbal รุ่นนี้สำหรับทำงานได้เลย