เปรียบเทียบกล้อง Insta360 GO 2 vs Insta360 GO เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ? หลังจาก Insta360 ได้เปิดตัวกล้องแอคชั่นขนาดเล็กที่สุดออกมา Insta360 GO 2 ที่ขนาดเล็กและติดกล้องได้หลายมุมให้มุมมองวิดีโอที่สวยและแตกต่าง กันน้ำได้ และมีแม่แบบสำหรับการทำงานวิดีโอที่หลากหลาย ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น ซึ่งคุณสมบัติของรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Insta360 GO ก็ทำได้ด้วยเช่นกัน แล้วความแตกต่างระหว่างสองรุ่นนี้คืออะไร เรามาดูเปรียบเทียบกล้อง Insta360 GO 2 vs Insta360 GO เหมือนหรือแตกต่างอย่างไรบ้าง ?
[su_youtube url=”https://www.youtube.com/embed/ZRtscHZG2kE” width=”900″]เปรียบเทียบกล้อง Insta360 GO 2 vs Insta360 GO เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?
ชื่อที่ใช้และคุณสมบัติที่ใช้เรียกในการตลาดโดดเด่นทั้งคู่
Insta360 เป็นผู้ผลิตกล้อง 360 องศาที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ด้วยการออกแบบกล้องที่ถ่ายภาพและวิดีโอได้รอบด้านถึง 360 องศา ซึ่งในรุ่น Insta360 GO 2 และ Insta360 GO ก็เป็นรุ่นที่ได้รับการเรียกชื่อละสร้างเอกลักษณ์ให้กับแต่ละรุ่น ซึ่งรุ่น Insta360 GO 2 ได้ชื่อว่าเป็น “กล้องแอคชั่นที่เล็กที่สุดในโลก” และในรุ่น Insta360 GO ได้ชื่อว่าเป็น “กล้องกันสั่นที่เล็กที่สุดในโลก”
ขนาดรูปร่างดีไซน์คล้ายกันมากต่างกันที่น้ำหนักเล็กน้อย
ดีไซน์การออกแบบและรูปร่างของ Insta360 GO 2 และ Insta360 GO เป็นกล้องขนาดเล็ก ที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมขอบโค้งมน สีพื้นฐานเป็นสีขาว มีกล้องอยู่ปลายด้านหนึ่งและจุดสัมผัสสั่งงานอยู่ปลายอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทั้งสองมีความคล้าย ขึ้นถอดแบบกันออกมา แต่ Insta360 GO 2 จะมีส่วนหน้าเลนส์ที่รองรับการใส่ตัวครอบป้องกันเลนส์ด้วย
น้ำหนัก Insta360 GO มีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย Insta360 GO 2 มีน้ำหนัก 26.5 กรัมและ Insta360 GO 18.3 กรัม
ขนาดเล็กใช้งานคล่อง พกพาไปได้ทุกที่ ติดกล้องตำแหน่งไหนก็ง่ายและสะดวก
Insta360 GO 2 และ Insta360 GO เป็นกล้อง 360 องศา ที่ตอบโจทย์ด้านความคล่องตัว การให้มุมมองภาพที่ตื่นเต้นและหลากหลาย เพราะขนาดที่เล็กทำให้สามารถติดกล้องเข้าตำแหน่งไหน หรือที่ไหนก็ได้
โดยให้ความรู้สึกเหมือนไม่ได้พกกล้องแถบแม่เหล็กที่มากับตัวกล้องสามารถใช้ยึดในพื้นที่เล็กมากได้ หรือจะห้อยคอไว้ เพื่อติดตัวไปได้ทุกที่ ทั้งยังสามารถติดเข้าในพื้นที่ที่จำกัดได้ขณะที่กล้องขนาดใหญ่ทำได้ยาก
ความสามารถในการใช้งานด้านการถ่ายภาพนิ่ง คุณสมบัติของกล้องต่างกันไม่มาก แต่ Insta360 GO 2 รองรับการบันทึกไฟล์แบบ .raw จึงสามารถนำไฟล์ไปตกแต่งเพิ่มด้วยซอฟต์แวร์แต่งภาพระดับมืออาชีพได้
Insta360 GO 2 และ Insta360 GO ให้ความละเอียดภาพสูงสุดประมาณ 3 ล้านพิกเซล จึงให้รายละเอียดของภาพได้พอดีกับการนำภาพเพื่อไปใช้ลงบนโซเชียลมีเดีย รูรับแสงของ Insta360 GO 2 และ Insta360 GO เกือบเท่ากันโดยมีรูรับแสง 2.2 และ 2.1 จึงชดเชยแสงในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้
Insta360 GO 2 และ Insta360 GO มีความสามารถในการถ่ายก่อนเลือกทีหลังและปรับขนาดภาพได้ ทั้งแบบ 1:1, 16:9 และ 9:16
การบันทึกไฟล์ภาพของ Insta360 GO 2 รองรับการบันทึกไฟล์แบบ .raw จึงสามารถนำไฟล์ไปตกแต่งเพิ่มด้วยซอฟต์แวร์แต่งภาพระดับมืออาชีพได้ ซึ่ง Insta360 GO บันทึกไฟล์เป็นแบบ .jpg ยังไม่รองรับการทำงานกับ .raw แต่ก็สามารถใช้ไฟล์เพื่ออัพลงโซเชียลได้ทันทีเช่นกัน
ความสามารถในการใช้งานด้านการถ่ายวิดีโอ Insta360 GO 2 เหนือกว่าด้านความละเอียดของวิดีโอและการรองรับ Video Coding แบบ H.264 ใช้งาน ไทม์แลปส์ ไฮเปอร์แลปส์และสโลว์โมชั่น ได้ทั้งคู่
Insta360 GO 2 ให้ความละเอียดของวิดีโอที่ 1440p@50fps บันทึกไฟล์เป็น MP4 ที่บิทเรท 80Mbps รองรับ Video Coding แบบ H.264 จึงใช้ไฟล์วิดีโอที่ได้ปรับแต่งสี ทำการเกรดดิ้งสีบนโปรแกรมแต่งภาพสำหรับมืออาชีพได้ ส่วน Insta360 GO ให้ความละเอียดของวิดีโอที่ 1080p@25fpsบันทึกไฟล์เป็น MP4 ที่บิทเรท 40Mbps
ทั้ง Insta360 GO 2 และ Insta360 GO มีฟีเจอร์และผู้ช่วยในการใช้งานวิดีโอมีให้เลือกใช้หลากหลายเพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้นให้ผลงานแบบมืออาชีพ มีกันสั่น 6 แกนช่วยให้การถ่ายวิดีโอง่าย ไม่สั่นไหว
ได้คุณภาพงานวิดีโอสูง ทั้งยังมีมุมมองวิดีโอที่น่าตื่นเต้นและสะดุดตาด้วยการนำเสนอแบบไทม์แลปส์ ไฮเปอร์แลปส์และสโลว์โมชั่น
เส้นขอบฟ้าปรับได้อัตโนมัติบน Insta360 GO 2 เหวี่ยงแค่ไหนภาพก็ไม่เอียง
ไม่ว่าจะเอียงหรือถ่ายภาพด้วยจังหวะการถ่ายที่หนักหน่วงแค่ไหน หรือเหวี่ยงแขนมากแค่ไหนเส้นขอบฟ้าก็ยังตรงทำให้ภาพดูแล้วไม่เอียงตาม ให้ภาพที่ดูดีและมีคุณภาพเพราะ Insta360 GO 2 มีการปรับระดับของขอบฟ้าให้ตรงได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งคุณสมบัตินี้ยังไม่มีบน Insta360 GO
กล้องไม่กลัวน้ำ กันน้ำได้ Insta360 GO 2 กันน้ำลึกได้ถึง
จะถือลุยน้ำตากฝนก็ไม่กลัวเปียก ใช้ถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ทั้ง Insta360 GO 2 และ Insta360 GO มีคุณสมบัติกันน้ำทั้งคู่ แต่ Insta360 GO 2 ภาพใต้น้ำได้กันน้ำลึกได้ 4 เมตรจึงให้มุมมองภาพที่น่าตื่นเต้น
ทั้งยังมีฟีเจอร์ปรับภาพชัดเจนขึ้นด้วย AquaVision ที่เก็บรายละเอียดสีสันและแสงใต้น้ำได้อย่างสวยงาม
ระยะเวลาในการใช้งานของ Insta360 GO ใช้งานได้นานกว่าซึ่งสามารถใช้งานได้นานถึง 60 นาที
Insta360 GO 2 และ Insta360 GO มีเคสที่เป็น Charging case จึงชาร์จไฟได้ทันทีเมื่อเก็บเข้ากล่อง ซึ่งปกติแล้ว Insta360 GO จะสามารถใช้งานได้ 60 นาทีและเมื่อนำกลับไปชาร์จในเคส ช่วยยืดเวลาใช้งานได้ และ Insta360 GO 2 ใช้งานได้นาน 30 นาที แต่เมื่อนำกลับเข้าไปชาร์จในเคส สามารถยืดเวลาใช้งานได้มากที่สุดถึง 150 นาที
เคสทำงานได้อย่างอเนกประสงค์ ทั้งป้องกันกล้อง ชาร์จไฟ และเคสของ Insta360 GO 2 เป็นรีโมท กางออกเป็นขาตั้งได้ด้วย
เคสใส่ Insta360 GO 2 และ Insta360 GO ทำงานได้อเนกประสงค์เป็นได้ทั้งกล่องเก็บกล้องและแท่นชาร์จโดยเอากล้องกลับใส่ในเคสกล้องก็จะได้รับการชาร์จเองอัตโนมัตัซึ่ง และเคสของ Insta360 GO 2 ยังทำหน้าที่เป็นรีโมทคอนโทรลที่มีระยะทำงานถึง 10 เมตรและยังกางออกเป็นขาตั้งในตัวได้อีกด้วย
การปรับแต่งเพื่อให้แสดงตัวตนของผู้ใช้มากที่สุด Insta360 GO 2 ปรับแต่งสีสันและลวดลายได้ มีให้เลือกเพื่อให้เข้ากับตัวตนของผู้ใช้งาน
ความพิเศษของ Insta360 GO 2 คือเลือกลวดลายและสีสันของกล้องเพื่อแสดงตัวตนได้อย่างที่ต้องการ เพียงเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์และเข้าไปเลือกซื้อก็สามารถเลือกสีและลวดลายที่ต้องการได้ เพื่อให้กล้องบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้ใช้มากที่สุด