fbpx
skip to Main Content

GOPRO HERO 11 BLACK VS DJI OSMO ACTION 3 รุ่นไหนสเปคเด่นและน่าใช้กว่ากัน

GoPro Hero 11 Black vs DJI Osmo Action 3 รุ่นไหนสเปคเด่นและน่าใช้กว่ากัน เปรียบเทียบสเปคสองกล้องแอคชั่นที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ทั้งจุดเด่นทั้งความสามารถเดี๋ยวเรามาดูกันจากคอนเทนต์นี้เลยครับ

1. ขนาดเซ็นเซอร์

ขนาดของเซ็นเซอร์จะมีผลโดยตรงกับคุณภาพของไฟล์ที่ได้ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพนิ่งและวิดีโอครับ ซึ่งขนาดยิ่งใหญ่ก็จะยิ่งได้คุณภาพที่ดีมากขึ้น โดยขนาดของเซ็นเซอร์จะเป็นดังนี้ครับ

  • GoPro Hero 11 Black ขนาดเซ็นเซอร์อยู่ที่ 1/1.9 นิ้ว
  • DJI OSMO Action 3 ขนาดเซ็นเซอร์อยู่ที่ 1/1.7 นิ้ว

แอคชั่นขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่กว่าเพียงเล็กน้อย ทำให้คุณภาพไฟล์ที่ได้นั้นดีทั้งคู่ แต่จะเริ่มมีจุดต่างในประเด็นถัด ๆ ไปครับ ถ้าวัดกันที่ขนาดเซ็นเซอร์ใครใหญ่กว่า ทาง DJI Osmo Action 3 ใหญ่กว่านิดดดดดเดียวครับ ซึ่งในประเด็นคุณภาพไฟล์เราต้องไปดูต่อในเรื่องอื่นด้วยครับ

2. การถ่ายภาพนิ่ง

การถ่ายภาพนิ่งก็ยังคงจำเป็นสำหรับปัจจุบันที่คนท่องเที่ยว และคอนเทนต์ครีเอเตอร์จะต้องใช้ครับ โดยความสามารถก็จะมีดังนี้เลย

  • GoPro Hero 11 Black ความละเอียด  27 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพแบบ RAW ไฟล์ด้วย
  • DJI OSMO Action 3 ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพแบบ RAW ไฟล์เช่นเดียวกัน

เนื่องด้วยทาง GoPro Hero 11 Black ขนาดไฟล์ภาพนิ่งของ GoPro มีขนาดที่ใหญ่กว่า ใช้ทำงานได้หลากหลายกว่า ทั้งการเอาไปครอปภาพหรือเอาไฟล์ใหญ่ไปใช้ในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม GoPro Hero 11 Black จะสามารถทำงานด้านนี้ได้ดีกว่าครับ

3. การถ่ายวิดีโอ

คุณสมบัติในการถ่ายวิดีโอเป็นความสามารถเด่นที่ทุกคนต้องใช้ในยุคนี้เลย ทั้งการสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ และการถ่ายวิดีโอเน้นท่องเที่ยว ซึ่งสองรุ่นนี้จะทำงานแตกต่างกันชัดเจนมาก

  • GoPro Hero 11 Black จะถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 5.3K 60fps และ  4K120fps และยังมีเฉดสีที่มากถึง 1 พันล้านเฉดสีเป็นสีแบบ 10 บิตครับ
  • DJI OSMO Action 3 จะถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียด 4K 120fps สี 8 บิตทั่วไป ที่มีเพียงแค่ 16 ล้านสีเท่านั้น

GoPro Hero 11 Black โดดเด่นกว่าทั้งขนาดวิดีโอที่ใหญ่กว่า และยังมีเฉดสีที่มากถึง 1 พันล้านเฉดสี ทำให้รายละเอียดนั้นมีมากกว่า โดยเฉพาะการไล่น้ำหนักของแสงและสีสันในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตก ท้องฟ้าสวย ๆ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับแสงและสีนั้น GoPro Hero 11 Black จะถ่ายทอดได้ดีมากกว่า

4. กันสั่นและกันภาพเอียง

ระบบกันสั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้การถ่ายวิดีโอนั้นมีความคมชัด ภาพไม่ทำให้ปวดหัวหรือมึนหัว โดยระบบกันสั่นสองทั้งสองแบรนด์จะมีเทคโนโลยีและชื่อเรียกที่แตกต่างกัน

  • GoPro Hero 11 Black จะเป็นระบบกันสั่นแบบ HyperSmooth 5.0 + Horizon Lock คือช่วยให้ภาพไม่เอียงครับ
  • DJI OSMO Action 3 จะมีระบบกันสั่นแบบ EIS2 + RockSteady 3.0 + Horizon Balancing + Horizon Steady ซึ่งก็จะทำให้ภาพไม่สั่นไหวและไม่เกิดภาพเอียงเช่นเดียวกัน

ระบบกันสั่นทั้งคู่ทำได้ดีมากมานานแล้ว และแต่ละคนมีเทคโนโลยีกันสั่นที่ให้ผลลัพธ์มีความใกล้เคียงกันมาก ให้ความสามารถนี้โดดเด่นแบบไม่มีใครชนะขาด ให้ผู้ชมตัดสินใจเองได้นะครับ

5. การออกแบบ

ทางด้านการออกแบบนั้นจะช่วยบ่งบอกว่าสไตล์การใช้งานของเรานั้นเป็นแบบไหนครับโดยลักษณะการออกแบบจะมีดังนี้ครับ

  • GoPro Hero 11 Black จะมีการออกแบบที่ ขนาดเล็ก มีจอหน้าและจอด้านหลัง ตัวอุปกรณ์พร้อมต่อชุด Media Mod เสริม สำหรับอัพเกรดระบบเสียง ไฟเสริม Max Lens Mod และเคสดำน้ำ
  • DJI OSMO Action 3 การออกแบบกลับมาเป็นแนวกล้อง Action ขนาดเล็ก มีจอด้านหน้าและด้านหลัง สามารถเสริมเคสดำน้ำได้

ความหลากหลายของ GoPro จะมีมากกว่าเพราะอยู่ในอุตสาหกรรมนี้น่ากว่า การออกแบบจะตอบโจทย์การต่อยอดไปอุปกรณ์อื่นได้มากกว่า แต่ถ้าใช้งานแบบเดิม ๆ ทั้งคู่ทำได้เก่งเท่า ๆ กันอยู่ที่ผู้ใช้จะเลือก

6. การบันทึกเสียง

ความสามารถของการบันทึกเสียงนั้นก็จำเป็นเหมือนกันสำหรับการทำคอนเทนต์วิดีโอ เพราะหลาย ๆ สถานการณ์เราก็ต้องบันทึกเสียงบรรยากาศและบันทึกเสียงพูดในระหว่างที่ถ่ายทำคอนเทนต์ด้วยโดยกล้องทั้งสองตัวจะมีความสามารถดังนี้

  • GoPro Hero 11 Black จะมาพร้อมกับ ไมโครโฟนในตัว และต่อไมค์เสริมได้ 
  • DJI OSMO Action 3 จะมาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว และต่อไมค์เสริมได้ 

ซึ่งทั้งสองกล้องนี้ก็มีความสามารถในการบันทึกเสียงที่โดดเด่นพอ ๆ กันครับ 

7. การถ่าย Slow Motion

การถ่ายวิดีโอแบบ Slow Motion คืออีกจุดเด่นหนึ่งที่จะช่วยให้เราได้วิดีโอที่ดูเคลื่อนไหวช้า ๆ ช่วยสร้างความโดดเด่นอย่างมากในวิดีโอของเรา

  • GoPro Hero 11 Black : Slow Motion ได้สูงสุด 8 เท่าที่ 240fps บนความละเอียด 2.7K ถ้าต้องการละเอียดขึ้นคือ 4 เท่า 120fps บนความละเอียด 4K
  • DJI OSMO Action 3 : Slow Motion ได้สูงสุด 8 เท่าที่ 240fps บนความละเอียด Full HD ถ้าต้องการละเอียดขึ้นคือ 4K 120fps

ความสามารถนี้  GoPro Hero 11 Black ทำได้ดีกว่าครับ

8. Timelapse และ Hyperlapse

การถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลาไม่ว่าจะเป็น Timelapse ที่ตั้งกล้องเฉย ๆ หรือ Hyperlapse ที่เป็นการเร่งเวลาแบบมีการเคลื่อนกล้องไปด้วย ซึ่งทาง GoPro จะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า TimeWarp 

  • GoPro Hero 11 Black จะมีโหมด TimeWarp 3.0 และ Timelapse Mode
  • DJI OSMO Action 3 จะมีโหมด Timelapse และ Hyperlapse 

ความสามารถของการถ่ายวิดีโอแบบเร่งเวลา ทั้ง GoPro 11 Black และ DJI Osmo Action 3 นั้นสามารถทำได้เหมือนกัน ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ถือว่ามีความสามารถที่ใกล้เคียงกันครับ

9. แบตเตอรี่

ความจุแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การใช้งานกล้องนั้นยาวนานและทนต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้นครับโดยที่

  • GoPro Hero 11 Black จะมาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Enduro Battery ทนอากาศ -10 องศา และใช้งานได้นานสูงสุดที่ 120 นาที ความจุ 1720 mAh
  • DJI OSMO Action 3 จะมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 1770 mAh ใช้ได้นานสูงสุดที่ 160 นาที

ถ้าเทียบกันในเรื่องของแบตเตอรี่ตาม specsheet ทาง DJI Osmo Action 3 นั้นจะใช้ได้นานกว่าซึ่งสูงสุดที่ 160 นาทีครับ แต่ทาง GoPro Hero 11 Black อาจจะเพราะความละเอียดและการทำงานที่มากกว่าจะใช้ได้ที่ 120 นาที แต่ก็เพิ่มจุดเด่นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่มากกว่า

ดังนั้นประเด็นนี้ผมใช้ DJI Osmo Action 3 ใช้งานได้ยาวนานกว่า ส่วน GoPro Hero 11 Black จะทนต่อการทำงานในหลายสภาพแวดล้อมได้มากกว่าครับ

10. ความสามารถในการดำน้ำ

กล้องทั้งสองรุ่นนี้มีจุดเด่นคือการดำน้ำโดยที่ไม่ต้องใส่ Housing ครับ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ก็ทำได้เช่นเดียวกัน

  • GoPro Hero 11 Black กันน้ำได้ 10 เมตรแบบไม่ต้องใส่ housing
  • DJI OSMO Action 3 กันน้ำได้ 16 เมตรแบบไม่ต้องใส่ housing

ซึ่งทาง DJI Osmo Action 3 สามารถลงได้ลึกมากกว่าครับ

11. การไลฟ์สตรีมและการใช้เป็น Webcam

การไลฟ์สำหรับคนที่อยากใช้กล้องเพื่อไลฟ์ หรือทำการใช้งานแทน Webcam ครับ

  • GoPro Hero 11 Black : 1080P และสามารถใช้งานแบบ Webcam ได้
  • DJI OSMO Action 3 : รองรับการไลฟ์สตรีม แต่ไม่แจ้งเรื่องความละเอียด หรือความสามารถพิเศษในส่วนนี้แบบเจาะจง

12. อุปกรณ์เสริม

ในส่วนของอุปกรณ์เสริมทั้งสองรุ่นจัดเต็มมาพอ ๆ กันครับ

  • GoPro Hero 11 Black : GoPro Media Mod, GoPro Light Mod, Max Lenses 
  • DJI OSMO Action 3 : ชุดดำน้ำและชุดเครื่องมือช่วยติดตั้งกล้องกับรถและอุปกรณ์อื่น

ในส่วนนี้ต้องเลือกตามความถนัดของแต่ละคนครับ แต่ทาง GoPro นั้นด้วยที่การออกแบบมีความเจาะจงลักษณะนี้มานานแล้ว อุปกรณ์เสริมจะหาได้ง่ายกว่า

13. โหมดพิเศษอื่น ๆ

ในโหมดพิเศษอื่น ๆ นั้นทาง GoPro ค่อนข้างใส่เต็มมามากกว่าอย่างชัดเจนครับ

  • GoPro Hero 11 Black จะมีโหมดเช่น Night Effect -> Star Trails, Light Painting, Vehicle Light Rails
  • DJI OSMO Action 3 โหมดพิเศษมีน้อยกว่า GoPro

GoPro Hero 11 Black ราคา 18,500 บาท พร้อมให้เป็นเจ้าของแล้ววันนี้ที่ Lnwgadget พร้อมให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย

×Close search
Search