เปรียบเทียบ DJI MAVIC 3 VS DJI MAVIC 2 PRO รุ่นไหนดีกว่ากัน และน่าใช้งานที่สุด ก่อนหน้านี้โดรนภาพสวยที่ได้รับความนิยมคือ DJI Mavic 2 Pro และ DJI Mavic 2 Zoom ซึ่งจะโดรนจะมีลักษณะและคุณสมบัติการบินที่เหมือนกัน แต่จะต่างกันคือกล้องสองแบบ ซึ่งล่าสุดกับการเปิดตัวโดรนน้องใหม่ของ DJI ซึ่งก็คือ DJI Mavic 3 ซึ่งเป็นโดรนที่มีลักษณะโดดเด่นด้วยการเป็นโดรนที่มีสองเลนส์ ซึ่งมีคุณสมบัติเทียบเคียงได้กับกล้องโปรเลยทีเดียว ซึ่งเราจะมาดูกันว่า ความสามารถเด่น DJI Mavic 3 VS DJI Mavic 2 pro มีอะไรบ้าง และมีอะไรที่ปรับให้ดีขึ้น
[su_youtube url=”https://www.youtube.com/embed/7rLpHaaCGus” width=”900″]เปรียบเทียบ DJI MAVIC 3 VS DJI MAVIC 2 PRO รุ่นไหนดีกว่ากัน และน่าใช้งานที่สุด
พัฒนาความสามารถของกล้อง เลนส์สองตัว เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ถ่ายภาพชัดขึ้น สวยขึ้นได้ภาพและมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น
จากคุณสมบัติของกล้องที่อยู่บน DJI Mavic 2 Pro จะเป็นกล้องที่มีเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว CMOS ความละเอียดภาพ 20 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้างระยะ 28 mm รูรับแสง f/2.8–f/11
ส่วนกล้องที่มากับ DJI Mavic 3 จะเป็นกล้องคู่ โดยมีเลนส์มุมกว้าง 24 mm เซ็นเซอร์ 4/3 นิ้ว CMOS ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.8 – f/11 และเลนส์เทเลโฟโต้ 160 mm ที่มีเซ็นเซอร์ 1/2 นิ้ว CMOS ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/4.4
การบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงขึ้นจากเดิมเป็น 5.1K
ความละเอียดในการบันทึกวิดีโอของ DJI Mavic 2 Pro จะมีความละเอียดสูงสุดอยู่ที่ 4K ในขณะที่ DJI Mavic 3 ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 5.1K จึงให้สีสันและความคมชัดของวิดีโอที่มากขึ้นกว่าเดิม
รองรับการทำงาน Apple ProRes 422 HQ เพื่องาน Post-processing ของงานวิดีโอภาพยนตร์
DJI Mavic 2 Pro เป็นโดรนที่รองรับการทำงานด้านการถ่ายภาพ วิดีโอและภาพยนตร์ ซึ่งรองรับการบันทึกโปรไฟล์สีแบบ Dlog-M (10bit), HDR video (HLG 10bit) และบันทึกภาพแบบ JPEG / DNG (RAW) ซึ่งใน DJI Mavic 3 จะรองรับทั้งกระบวนการผลิตรวมไปถึงรองรับการทำงาน Post-processing ของงานวิดีโอภาพยนตร์ด้วย
โดย DJI Mavic 3 รองรับ Apple ProRes 422 HQ ซึ่งจะให้คุณภาพของภาพที่สูงขึ้น ทำให้ทำงานได้ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับการปรับเปลี่ยน แต่งเติม แก้ไขไฟล์ในกระบวนการ Post-Processing
เปลี่ยนประสบการณ์การบินให้ดีขึ้นด้วยความสามารถในการบินที่ยาวนานขึ้นถึง 46 นาที
ความสามารถในการบินของ DJI Mavic 3 ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์การบินให้กับนักบินได้ดีขึ้น ด้วยการเพิ่มระยะเวลาการบินให้นานขึ้นอีก ซึ่งจากเดิม DJI Mavic 2 Pro บินได้นาน 31 นาที และใน DJI Mavic 3 ถูกปรับให้บินได้นานขึ้นถึง 46 นาที จะบินเก็บภาพ บินสำรวจ หรือบินเพื่อถ่ายงานพิธีการก็เก็บภาพได้นานขึ้น ทำงานได้นานขึ้นด้วย
ระยะการส่งสัญญาณไกลมากขึ้นถึง 15 กิโลเมตร
การส่งสัญญาณภาพและวิดีโอที่มีความละเอียดสูงที่มีระยะจากโดรนมาจนถึงตัวควบคุมถูกพัฒนาให้ส่งสัญญาณได้ไกลขึ้น จากเดิม DJI Mavic 2 Pro มีระยะสัญญาณที่ 10 กิโลเมตร เป็น 15 กิโลเมตรด้วยระบบ OcuSync 3.0 transmission system บน DJI Mavic 3
บินได้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 360 องศา
ระบบหลบหลีกสิ่งกีดขวางของโดรน DJI มีความปลอดภัยสูง ทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางหลายจุด โดยบน DJI Mavic 2 Pro มีทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านบน ด้านล่าง และด้านข้าง
ซึ่งใน DJI Mavic 3 ก็ได้รับการพัฒนาให้หลบหลีกได้ดีขึ้น APAS 5.0 เซ็นเซอร์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพราะตรวจจับสิ่งกีดขวางได้รอบตัวถึง 360 องศา จึงบินอย่างมั่นใจและสบายใจมากขึ้น