Capture Card ที่ดีต้องมีประสิทธิภาพในเรื่องอะไรบ้าง เราถึงจะใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา และทำงานได้ราบรื่น

April 13, 2020
Photo, Tips & Tricks

Capture Card ที่ดีต้องมีประสิทธิภาพในเรื่องอะไรบ้าง เราถึงจะใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา และทำงานได้ราบรื่น สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือสนใจการ live streaming ก็ยังคงมีปัญหาที่ยังสงสัยเกี่ยวกับ Capture card กันบ้างบทความนี้เราจะมาคุยกันว่า Capture Card ที่ดีต้องมีประสิทธิภาพในเรื่องอะไรบ้าง เราถึงจะใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา และทำงานได้ราบรื่น

Capture Card ที่ดีต้องมีประสิทธิภาพในเรื่องอะไรบ้าง เราถึงจะใช้งานได้ดี ไม่มีปัญหา และทำงานได้ราบรื่น

1. ความละเอียดที่สามารถบันทึกได้ และเฟรมเรตที่รองรับ ต้องตอบโจทย์งานของเรา

ในสเปคของ Capture Card อย่างแรกที่เราต้องดูเลยคือเขาสามารถที่จะรับความละเอียดได้ที่เท่าไหร่ เช่น Full HD, 4K รวมถึงเฟรมเรตสูงสุดได้ที่กี่เฟรมเช่น 30fps, 60fps เป็นต้น เพราะทั้งเรื่องของความละเอียดและเฟรมเรต คือสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องเอาไปใช้ในการส่งภาพเพื่อ Live ครับ

ดังนั้นความละเอียดจะส่งผลต่อรายละเอียดภาพที่จะได้รับ และเฟรมเรต ส่งผลกับความต่อเนื่องในวิดีโอที่เราได้รับเหมือนกัน ดังนั้นควรเลือกให้ตรงกับงานของเรา

สำหรับการ Live ทั่วไปนั้นจะใช้เฟรมเรตที่ 30fps ก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับคนที่ต้องการ Streaming Game ควรใช้ที่ 60fps ครับผม ในด้านความละเอียดแล้วแต่เราว่าต้องการความละเอียดที่ Full HD หรือ 4K ก็สามารถเลือกได้เลย

2. สำหรับ Gamer ที่เน้น Streaming ควรรับเฟรมเรตที่ 60 เฟรม สำหรับการ Live เกมส์ของเรา

สำหรับหัวข้อนี้จะเจาะลึกสำหรับสาย Gamer เลย ที่มือใหม่เพิ่งเริ่มต้นอาจจะยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เริ่มต้นที่ให้เราเลือก Brand ที่เน้นตลาดกลุ่ม Capture Card สำหรับ Gamer เลย

แบรนด์ที่เน้นตลาดเกมส์ก็จะมี Elgato, Avermedia, MOKESE ซึ่งสามแบรนด์นี้จะรับเฟรมเรตที่ 60 เฟรมแน่นอน ส่วนเรื่องความละเอียดก็มีให้เลือกทั้ง Full HD และ 4K เราสามารถเลือกได้ตามความต้องการเลยว่าเราอยากจะได้ความละเอียดที่เท่าไหร่

นอกจากนี้แบรนด์เหล่านี้ยังมีพวก Driver และ Software สำหรับช่วยในการทำงานของ Capture Card ของเราได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยนะครับ ถ้าสาย Gamer สามารถเจาะจงสามแบรนด์นี้ตามต้องการได้เลย

3. รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Windows และ Mac รวมถึงมี Software ช่วยในการทำงานของเราด้วย

อีกประเด็นนึงเราควรซื้อ Capture Card ที่รองรับทั้งสองระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows และ Mac เพื่อที่จะให้เราสามารถทำงานกับ Laptop, PC ที่เรามีได้เลย สังเกตง่าย ๆ ที่สเปคของตัว Capture Card เขาจะระบุไว้ว่ารองรับระบบปฏิบัติการอะไรบ้าง อีกทั้งยังสามารถค้นหารีวิวของ Capture Card รุ่นนั้นก่อนตัดสินใจซื้อด้วยยิ่งดีครับ จะทำให้เราเห็นการใช้งานจริงของ Capture Card รุ่นนั้นนั่นเอง

4. สำหรับคนที่ทำรายการ หรือกล้องหลายตัว Capture Card ควรรองรับกล้องได้หลายตัวพร้อมกัน และมีความสามารถในการกดสลับสัญญาณกล้องได้ด้วย

สำหรับคนที่ต้องการทำรายการ Live, Podcast + ทำ Live ไปด้วย และสำหรับคนที่ต้องการ Production ที่ดีหน่อย ต่อกับอุปกรณ์กล้องหลายตัว ซึ่ง Capture Card เฉพาะด้านอย่าง Blackmagic ATEM mini, Blackmagic ATEM mini Pro มีความสามารถที่จะตอบโจทย์ตรงนี้

ความสามารถที่เราควรดูเลยคือ ต้องรองรับกล้องหลายตัว ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป และสามารถที่จะสลับสัญญาณจากกล้อง 1 ไปกล้อง 2 ได้ด้วย Cature Card เพียงตัวเดียว จะทำให้เราประหยัดงบได้เมื่อเทียบกับการลงทุน Capture Card ทั่วไปหลายตัว นอกจากนี้ตัว Capture Card ที่ทำงานในด้านนี้ ต้องมีความสามารถในการจัดการเรื่องเสียง เช่น มีพอร์ตสำหรับไมโครโฟนแยก และมีความสามารถในการควบคุมระดับเสียงด้วย เพื่อให้เราสามารถทำรายการได้อย่างราบรื่นที่สุดนั่นเองครับ

5. มีศูนย์ให้บริการ และทางผู้จำหน่ายพร้อมให้คำปรึกษาทั้งก่อนและหลังการขาย

สิ่งสำคัญสุดท้ายคือที่พึ่งทั้งบริการก่อนและหลังการขาย ควรเลือกซื้อกับผู้จัดจำหน่ายที่มีศูนย์บริการ กรณีที่เรามีปัญหาก็ต้องพร้อมที่จะให้คำตอบสำหรับเราได้ เพราะว่าเรื่อง Live ยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับใครหลายคน ดังนั้นการเลือกตัดสินใจซื้อกับร้านที่เข้าใจอุปกรณ์จริง ๆ จะช่วยลดปัญหาหน้างานได้เยอะมาก และทำให้เราสามารถจบการ Live ได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น