fbpx
skip to Main Content

กล้อง Action Camera เน้นออกทริปปี 2021 ถ่ายวิดีโอคม ภาพสวย ใช้ง่าย ลุยได้ทุกที่

กล้อง Action Camera เน้นออกทริปปี 2021 ถ่ายวิดีโอคม ภาพสวย ใช้ง่าย ลุยได้ทุกที่ กล้อง Action Cameraในปัจจุบันถูกออกเเบบมาให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ทำให้ถ่ายภาพได้สวย มีความโดดเด่นเเละเเตกต่าง ความละเอียดภาพสูงเเละคุณสมบัติในการถ่ายภาพนิ่งเเละวิดีโอเทียบได้กับกล้องถ่ายภาพได้เลย นอกจากนี้ความสามารถเรื่องการบันทึกเสียงก็สามารถทำได้ดีมากด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าถ้าอยากได้กล้อง Action Camera ซักตัว เน้นออกทริปปี 2021 ถ่ายวิดีโอคม ภาพสวย ใช้ง่าย ลุยได้ทุกที่ มีรุ่นไหนน่าเลือกน่าใช้บ้าง

กล้อง Action Camera เน้นออกทริปปี 2021 ถ่ายวิดีโอคม ภาพสวย ใช้ง่าย ลุยได้ทุกที่

GoPro Hero 9 Black

กล้องแอคชั่นที่ได้รับความนิยมตลอดกาลอย่าง GoPro ในรุ่นล่าสุด GoPro Hero 9 Black รุ่นนี้ก้าวข้ามขีดจำกัดของกล้องแอคชั่นไปอีกระดับ มีความละเอียดวิดีโอที่ 5K เฟรมเรตที่ 30 เฟรมต่อวินาที ระบบกันสั่น HyperSmooth 3.0 ที่เรียกได้ว่านิ่งสุด ๆ ถ่าย Slow Motion 8 เท่าจากความเร็วปกติอีกด้วย

ในส่วนของภาพนิ่งก็ทำได้ดีมาก ถ่ายภาพที่ 20 ล้านพิกเซล รองรับ RAW File แบบกล้องระดับมืออาชีพได้เลย ที่สำคัญรองรับการ Live Stream ได้อีกด้วย ในส่วนอุปกรณ์เสริมก็มีให้เพียง เป็นเคส จอแยก ไมค์เสริม หรือจะเป็นเลนส์มุมกว้างแบบ Max ที่สามารถเปลี่ยนได้

ทางด้านการกันน้ำก็กันได้ลึกถึง 10 เมตรแบบไม่ต้องใส่ Housing กันเลย ส่วนบอดี้ก็มีจอด้านหน้าให้แล้วนะ และจอด้านหลังใหญ่ขึ้น สามารถที่จะลุยได้ทุกทริปแบบสุดกันไปเลย

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– เซ็นเซอร์ภาพใหญ่ขึ้นถ่ายภาพได้ความละเอียดภาพสูงถึง 20 ล้านพิกเซล 
– รองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 5K 30 fps ภาพชัดขึ้น เก็บรายละเอียดภาพ เสียง สีเเละเเสงได้ดีขึ้น 
– กันสั่นที่พัฒนาขึ้นจาก HyperSmooth 2.0 เป็น HyperSmooth 3.0 ตามคาดหมาย เพื่อการถ่ายภาพขณะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น 
– ถ่ายภาพ slow-motion ที่ 240 fps หรือ 8x เพื่องานวิดีโอที่ดูละมุน น่าสนใจเเละน่าติดตาม 
– สั่งงานได้ด้วยคำสั่งเสียง ง่ายต่อการความคุมเเละการใช้งาน 
– กันน้ำลึก 10 เมตร ดำดิ่งลงไปเพื่อเก็บภาพสวยใต้น้ำได้เลย 
– ภาพสวยคมชัดด้วย HDR รองรับการบันทึกภาพ RAW เก็บความประทับใจได้อย่างคมชัด สีสันสวยสมจริง 
– มีจอหน้า จอหลัง ซึ่งจอหลังเป็นเเบบระบบสัมผัส ส่วนจอหน้าไม่เพียงเเต่บอกสถานะเท่านั้น เเต่เป็นจอที่อำนวยความสะดวกในการถ่ายภาพตัวเอง หรือบันทึกวิดีโอ เหมาะสำหรับ Vlogger, YouTuber 
– ฟีเจอร์ TimeWarp 3.0 ที่พัฒนาขึ้นมาจาก TimeWarp 2.0 เพิ่มประสบการณ์การถ่ายวิดีโอที่น่าประทับใจมากยิ่งขึ้น 
– ใช้งาน GoPro 9 ได้แบบเว็บเเคมด้วย 
– รองรับการทำงาน ส่งสัญญาณเเบบ live stream ที่ 1080p ให้ความละเอียดสูง ส่งสัญญาณราบลื่น ไม่กระตุก 
– ความจุของแบตเตอรี่ 1720mAh ซึ่งจุมากกว่าเดิม 41%

GoPro Hero 9 Black ราคา 15,999 บาท ประกันศูนย์ไทย

*ช่วงโปรโมชั่นอาจมีการปรับลดราคาและของแถมตามช่วงเวลา

GoPro Max

กล้อง Action Camera อีกรุ่นนึงที่ได้รับความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งเป็นกล้องที่ผสมระหว่างความเป็น Action Camera และ 360 Camera ในตัว ซึ่งกล้องรุ่นนี้ให้ความละเอียดในโหมดวิดีโออยู่ที่ 6K 30 fps ในโหมด 360 องศา และมีโหมดมุมกล้องแบบ GoPro ปกติให้เราเลือกด้วย ความพิเศษของ GoPro Max คือเรายังสามารถที่จะถ่ายวิดีโอแล้วมาเลือกมุมกล้องทีหลังได้ด้วย ซึ่งทำให้มือใหม่สามารถถ่ายวิดีโอได้ง่ายแบบสุด ๆ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– ดีไซน์ติดตัวยึดไว้กับตัว GoPro และใช้นิ้วกางออกได้ 
– HERO + 360 Capture Modes สลับโหมดถ่ายได้ระหว่างโหมดของรุ่น HERO หรือถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศา 
– Max HyperSmooth โหมดกันสั่นให้วิดีโอที่นิ่งโดยใช้การเก็บภาพ 180 องศาเป็น Buffer 
– In-Camera Horizon Leveling เมื่อตั้งเป็นโหมดของรุ่น HERO วิดีโอจะนิ่งเป็นพิเศษ 
– Max TimeWarp เหมือนโหมด TimeWarp 2.0 ในรุ่น HERO8 Black แต่รองรับการถ่ายแบบ 360 องศาด้วย 
– เลือกเลนส์ถ่ายวิดีโอได้ 4 แบบ มีโหมด Max SuperView เพิ่มเข้ามา ออกแบบให้เก็บภาพได้กว้างเป็นพิเศษ 
– PowerPano รองรับการถ่ายภาพ Panorama ความกว้าง 270 องศาไม่เกิดการบิดเบี้ยวของภาพ (Distortion) 
– ถ่ายวิดีโอความละเอียด 5.6K 30 เฟรมต่อวินาที ได้วิดีโอ 360 องศา, แบบ 1440p 60 เฟรมต่อวินาที หรือ 1080p 60 เฟรมต่อวินาที แบบรุ่น HERO 
– ภาพนิ่งในโหมดรุ่น HERO จะได้ความละเอียด 5.5 ล้านพิกเซล, PowerPano ได้ภาพความละเอียด 6.2 ล้านพิกเซล 
– ติดตั้งไมค์ไว้ 6 ตัวเพื่อเก็บเสียงได้ 360 องศา แบ่งทิศทางของเสียงเมื่ออัดคลิป 
– Reframe คลิป 360 องศาเป็นคลิปแบบทั่วไปได้ 
– Live stream ความละเอียด 1080p ทำงานกับระบบ HyperSmooth 
– รองรับการสั่งงานด้วยเสียง 12 คำสั่ง 15 ภาษา 
– มีระบบ GPS เพื่อจับความเร็ว, ระยะทางและความสูง และเพิ่มเป็นรายละเอียดในวิดีโอได้ด้วยแอพของ GoPro 
– Scene Detection ตัวกล้องตรวจจับฉากด้วยตัวเองว่าสภาพแวดล้อมที่เราอยู่เป็นแบบใด
– กันน้ำลึก 5 เมตร 
– บันทึกภาพและวิดีโอเก็บเข้าไปใน GoPro PLUS ระบบ Cloud ของ GoPro โดยอัตโนมัติ

GoPro Max ราคาปกติ 17,000 บาท เหลือ 15,000 บาท สินค้าประกันศูนย์

GoPro Hero 8 Black

GoPro Hero 8 Black เป็นกล้องแอคชั่นรุ่นพี่ก่อนจะมีรุ่นล่าสุด ซึ่งรุ่นนี้จุดเด่นในปัจจุบันก็จะมีประเด็นทางด้านราคา และมีฟีเจอร์หลักที่เราต้องใช้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดระดับ 4K 60fps ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานแบบเหลือ ๆ ระบบกันสั่นอย่าง HyperSmooth 2.0 ที่กันสั่นได้อย่างนิ่งมาก ๆ เหมือนกับรุ่นใหม่, SuperPhoto HDR ที่ทำให้เราสามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงามพร้อมโหมด HDR ด้วย และโหมดพิเศษอื่น ๆ ก็มีอย่างครบถ้วนทั้งหมด (เพียงแต่ไม่ใช่รุ่นล่าสุดแค่นั้นเอง)

ทางด้านอุปกรณ์เสริมอย่างชุด Mod ตัว ​GoPro Hero 8 Black เองก็มีให้ใช้ทั้ง Media Mod, Display Mod และ Light Mod ก็มีให้เลือกใช้อย่างครบถ้วนด้วยเหมือนกัน เป็นอีกรุ่นนึงถ้าหากว่าเรางบไม่ถึงจะไปตัว GoPro Hero 9 Black แนะนำว่าลดระดับลงมาเลือก GoPro Hero 8 Black จะเหมาะสมที่สุดครับ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล 
– ความสามารถในการถ่ายวิดีโอแบบ 4K คุณภาพสูงสุดที่ 60 เฟรมต่อวินาที 
– เฟรมเรตสูงสุดที่ทำได้คือ 240 FPS (เพิ่มจากรุ่นก่อน 120FPS) 
– การถ่าย Slow Motion ทำได้ที่ 8x 
– HyperSmooth 2.0 ระบบกันสั่นที่มีคุณภาพสูงขึ้นกว่า GoPro Hero 7 Black รุ่นก่อน 
– TimeWarp 2.0 ฟีเจอร์ที่ช่วยในการถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse จะมีความสวยงามมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อน และสวยมากขึ้น 
– Housing ใหม่สำหรับการถ่ายวิดีโอโดยเฉพาะ สามารถบันทึกวิดีโอได้คุณภาพสูงกว่าเดิมรวมถึงการบันทึกเสียงด้วย 
– มีหน้าจอด้านหน้าสำหรับบอกสถานะการถ่ายวิดีโอ 
– ไมโครโฟนของ GoPro Hero 8 Black มี 3 ตัวเหมือนรุ่นก่อน ได้เสียงมิติที่ดี ยอดเยี่ยม 
– Super Photo HDR เป็นฟีเจอร์ที่ถูกอัพเกรดจากรุ่นก่อน เมื่อก่อนจะเป็นแค่ Super Photo แต่รุ่นนี้ใส่ความสามารถแบบ HDR มาด้วย เวลาถ่ายย้อนแสงก็จะได้รายละเอียดดีขึ้น 
– ถ่ายภาพแบบ RAW File ได้ ซึ่งมีความละเอียดมากขึ้น และเนื้อไฟล์ดีกว่าเดิม 
– กันน้ำได้ลึก 10 เมตรแบบไม่ต้องใส่ Housing 
– สามารถสั่งงานด้วยเสียง พร้อมหน้าจอสัมผัส 
– ไม่ค้างง่ายเหมือนรุ่นก่อน และประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้นมาก 
– มีตัวล็อคด้านใต้กล้อง สามารถใช้งานติดตั้งได้ง่ายแบบไม่ต้องพึ่งตัว Case ล็อค 
– มี Mode Pro สำหรับถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งแบบ Custom ค่าได้เองอิสระทุกอย่าง 
– โปรไฟล์สีแบบ GoPro สำหรับการถ่ายวิดีโอ ให้สีที่สด ดูน่าตื่นเต้น น่าสนใจ ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของ GoPro Hero 8 Black

GoPro Hero 8 Black ราคาปกติ 14,500 บาท เหลือ 12,999 บาท สินค้าประกันศูนย์

DJI OSMO Action

กล้อง Action Camera ในค่ายคู่แข่งเจ้าตลาด ซึ่ง ​DJI นี่ต้องบอกก่อนว่าเขาอยู่ในตลาด Video ระดับมืออาชีพมานานมากแล้ว ก่อนหน้านี้ทำ Drones ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลทั่วโลก ไปจนถึง Gimbal Stabilizer ระดับมืออาชีพด้วย แล้วเขาก็ทำกล้อง Action Camera ออกมาเพื่อตอบโจทย์ตลาดกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการกล้องถ่ายภาพเเบบลุย ๆ แบบคนใช้กล้องท่องเที่ยวอย่างแอคชั่น

ความสามารถในรุ่นนี้ต้องบอกว่าอยู่ในระดับ GoPro Hero 8 Black เลย ไม่ว่าจะเป็นกันสั่นที่เรียกว่า RockSteady ที่กันสั่นได้นิ่งมาก มีระบบวิดีโอแบบ 4K HDR, ถ่ายวิดีโอแบบ 4K 60 เฟรมได้, มีหน้าจอด้านหน้า ด้านหลังให้ใช้ ไมโครโฟนประสิทธิภาพสูง พร้อมการถ่ายภาพแบบ RAW ก็มีครบ แถมมีโหมดถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse ซึ่งจะให้ผลเหมือนโหมด TimeWarp ใน GoPro ก็มีด้วยนะ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– ขนาด Touch Screen ด้านหลัง 2.25 นิ้ว (ความละเอียด 640*360 pixel) 
– จอด้านหน้า ขนาด 1.4 นิ้ว เป็นจอสี – เวลาถ่ายวีดีโอแล้วจะเห็นตัวเองในหน้าจอ 
– Sensor ขนาด 1/2.3″ ชนิด CMOS Sony IMX377 
– FOV: 145° f2.8 
– สามารถบันทึกภาพแบบ Raw ได้ 
– ความละเอียดวีดีโอสูงสุดที่รับได้ 4k ที่ 60fps / 1080p ที่ 240fps 
– HDR Video มี 4k30fps 
– Slomotion -8x 
– Shutter: 1/8000-120s 
– Timewarp/Hyperlapse มี 
– ระบบกันสั่น ใช้แบบชนิด RockSteady (ใช้ Software ช่วยประมวลผล) 
– กันน้ำลึกที่ 11 เมตร 
– Rotating Screen – มี 
– แบตตารี่ของ osmo action ถ่ายวีดีโอที่ 1080p 60pได้ที่ 110 นาที / ถ่ายวีดีโอที่ 4k 60p ได้ที่ 65 นาที 
– LiveStreaming – TBD

DJI OSMO Action ราคา 12,000 บาท สินค้าประกันศูนย์

Insta 360 One R 1-Inch Leica Edition

กล้อง Action Camera เซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้ว แถมเป็นแบรนด์ที่ร่วมมือกันสร้างกับ Leica อย่าง Insta 360 ซึ่งแบรนด์นี้เคยโดดเด่นในตลาดกล้อง 360 องศามาแล้ว แต่ด้วยที่อยากจะตอบโจทย์คนใช้กล้องท่องเที่ยวอย่างแอคชั่นก็เลยได้มีผลิตภัณฑ์ตัวนี้ลงมาในตลาด

จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้หลัก ๆ คือเซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1 นิ้วแบบเดียวกับกล้อง Compact แล้วมีขนาดที่เล็กมาก ทำให้ได้คุณภาพที่สูง ในขนาดที่พกสะดวก ระบบกันสั่นก็ยังทำได้ดีเยี่ยมด้วย 

ความละเอียดวิดีโออยู่ท่ี 5.3K ซึ่งเยอะมาก ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ 60 เฟรมเรต ความละเอียดกล้อง 19 ล้านพิกเซล มีระบบกันสั่นที่นิ่งมาก ๆ เหมือนกันชื่อว่า FlowState ซึ่งการใช้งานก็อยู่ในระดับที่เทียบ GoPro ที่เป็นเจ้าตลาดได้เหมือนกัน มีโหมด HDR Photo, Night Lapse, Night Shot และรองรับการถ่ายภาพแบบ RAW File ระบบเสียงยังรองรับการต่อไมโครโฟนแยกจากภายนอกได้เลย ทำให้สะดวกในการอัพเกรดคุณภาพเสียงครับ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– ความละเอียดวิดีโอถ่ายได้สูงสุดที่ 5.3K ที่เฟรมเรต 30 เฟรมต่อวินาที 
– ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ 60 เฟรมต่อวินาที 
– บิตเรทวิดีโอ 100Mbps เป็นคุณภาพไฟล์วิดีโอ (ยิ่งบิตเรตเยอะยิ่งดี) 
– ไฟล์ภาพนิ่งความละเอียด 19 ล้านพิกเซล รองรับไฟล์ RAW สามารถเอาไปแต่งสีให้สวยได้เพิ่มมากขึ้นกว่าไฟล์ JPG ปกติ 
– เซ็นเซอร์มีขนาด 1 นิ้ว และเป็นการออกแบบ พัฒนาที่ทำงานร่วมกับ LEICA ด้วย 
– มีโหมดถ่ายภาพ แบบปกติ, โหมด HDR ที่ให้รายละเอียดสูง, ถ่ายภาพต่อเนื่อง, ถ่ายภาพ Interval สำหรับใช้เป็น Timelapse, ถ่ายภาพกลางคืน 
– FlowState Stabilization ระบบกันสั่นประสิทธิภาพสูง ซึ่ง Insta 360 ได้ทำในรุ่นก่อน ๆ ก็ถือว่ามีประสิทธิภาพที่สูงมาก และเป็นระบบกันสั่นแบบ 6 แกน 
– กันน้ำได้ลึก 5 เมตร แบบที่ไม่ต้องใช้ Housing เป็นมาตรฐาน IPX8 WATERPROOF 
– หน้าเลนส์ออกแบบให้รองรับการกระแทกระดับนึง เศษฝุ่น เศษหิน กระเด็นใส่ยังมีความแข็งแรง 
– ระบบสั่งงานด้วยเสียง ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากกว่าเดิม 
– หน้าจอทัชสกรีนที่สามารถปรับให้เป็นจอหน้าหรือด้านหลังได้ 
– โหมด Hyperlapse ที่ถ่ายง่าย ละได้วิดีโอสวยงาม 
– มีโหมด Starlapse สำหรับถ่ายวิดีโอดาวหมุนตอนกลางคืน สวยมาก ถ่ายง่ายด้วย 
– ไฟล์วิดีโอเข้ารหัส ​H.265 ให้ไฟล์สวยขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบการเข้ารหัส H.264 ในกล้องวิดีโอทั่วไป 
– ระยะเลนส์ 14.4mm ให้มุมมองที่กว้างมาก เหมาะกับการ Vlog, ถ่ายวิดีโอท่องเที่ยว, คนทำคอนเทนต์สำหรับ YouTuber 
– รองรับการต่อไมโครโฟนแบบแยก หรือจะใช้ไมค์ของ Apple Airpods ได้ด้วย ทำให้มีทางเลือกในการเชื่อมต่อวิดีโอได้ง่ายขึ้น 
– ถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอตอนกลางคืนออกมาได้ไฟล์สวยมาก 
– สามารถเอาวิดีโอไปทำสีออกมาได้สวยงาม เหมาะกับสาย YouTuber, Vlogger 
– ควบคุมการทำงานผ่าน Apple Watch ได้ 
– น้ำหนักเบาแค่ 158.2 กรัมเท่านั้น 
– รองรับการใช้งานร่วมกับ Application บน iOS และ Android 
– มีอุปกรณ์เสริมมาพร้อมเลย ตั้งแต่แบตเตอรี่เสริม เคสดำน้ำ ชุด Mount ไว้ถ่ายวิดีโอแบบ 3D 
– การเชื่อมต่อแบบ USB-C

Insta 360 One R 1-Inch Leica Edition ราคา 19,000 บาท สินค้าประกันศูนย์

Insta 360 One R Twin Edition

กล้อง Action Camera แบบเปลี่ยน Module ได้ (เหมือนเลนส์ แต่จริง ๆ คือเปลี่ยนกล้องเลยแหละ) ซึ่งกล้องตัวนี้เรียกได้ว่าสร้างสีสันให้กับตลาด Action Camera เหมือนกัน เพราะด้วยของการขยายศักยภาพด้วยการให้เราเลือกใช้กล้องที่หลากหลายได้ตามใจชอบเลย

ที่เรียกว่า Twin Edition คือเขาจะมีกล้อง Action Camera ที่มีความละเอียด 4K มาให้ และมีกล้อง 360 องศาที่มีความละเอียด 5.7K ให้เราสลับใช้ได้ตามใจ มีโหมดถ่ายภาพนิ่ง รองรับ RAW File ระบบกันสั่น ​FlowState ที่นิ่งมาก ๆ แล้วก็มีโหมด HyperLapse เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่จะใช้สู้กับเจ้าตลาดอย่าง GoPro ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพที่ใช้งานได้จริง

ถ้าหากว่าใครอยากได้กล้อง Action Camera พร้อมกับกล้อง 360 ในร่างเดียว แล้วทำงานได้จริง Insta 360 One R Twin Edition ถือว่าเป็นตัวสุดรุ่นนึ่งที่ไม่ควรพลาดเลย

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– ถ่ายวิดีโอความละเอียด 5.7K แบบ 360 องศา ให้บิตเรตที่สูง 100Mbps เนื้อไฟล์ดีมาก ถ่ายยังไงก็ออกมาสวย 
– รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ให้วิดีโอที่ลื่นไหล 
– มีระบบกันสั่น FlowState Stabilization ให้กันสั่นที่นิ่งกับทุกกิจกรรม วิ่งได้, ติดตั้งบนรถใช้ ใช้ได้กับกีฬา Extreme สบายมาก 
– ถ่ายวิดีโอก่อน เลือกมุมกล้องทีหลังได้ เป็นความสามารถในการ ​Reframe ที่ยอดเยี่ยม ถ้าเราถ่ายพลาดมา หรืออยากเปลี่ยนมุมกล้องในวิดีโอที่เคยถ่ายไปแล้ว กล้องรุ่นนี้ทำได้ 
– มีโหมดแบบ Shot Lab คือโหมดนี้เก่งมาก สามารถที่จะช่วยให้เราถ่ายวิดีโอแบบ ​Stop Motion, Jump Planet (กระโดดเปลี่ยนเฟรม), Time Flip (หมุนมุมกล้องเปลี่ยนเฟรม), Roll Planet ทั้งหมดนี้ทำได้แบบง่าย ๆ เลย 
– รองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Hyperlapse แล้วเลือกมุมกล้องทีหลังได้ (เหมือน Max Timewarp ของ GoPro Max) 
– การถ่ายวิดีโอแบบ Reframe มาเลือกมุมกล้องทีหลังทำได้ง่าย แค่เลือกจุดที่ต้องการ กล้องจะ Reframe ให้เลย 
– มีโหมดถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอแบบ HDR จะถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอแบบย้อนแสงก็ได้รายละเอียดที่สวยงาม ไม่ต้องกลัวการย้อนแสงอีกต่อไป 
– ถ่ายภาพและวิดีโอตอนกลางคืนก็ได้ความคมชัดสวยงาม 
– มี StarLapse Mode สามารถถ่ายดาวหมุนตอนกลางคืนแบบวิดีโอได้สวย ๆ เลย 
– ถ่ายวิดีโอ Slow Motion ได้สูงสุด 200 fps และรองรับการ Slow Motion แบบ 360 องศาด้วย 
– ถ่ายวิดีโอ 360 องศาแล้วสามารถดูวิดีโอย้อนหลังแบบ 360 องศาได้เลย ไม่ต้องไปต่อในแอพมือถือให้วุ่นวาย 
– ถ่ายวิดีโอในมุมมองเหมือน Drones ได้เลย ทำให้เราได้มุมกล้องที่หลากหลาย 
– โหมดถ่ายวิดีโอแบบ Bullet Times ให้เห็นบรรยากาศโดยรอบแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นของ Insta 360 One R Twin Edition 
– มีโหมด Tracking Point to Track + Deep Track เวลาถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศา ระบบจะโฟกัสล็อคตามวัตถุที่ต้องการ ไม่ต้องมาเหนื่อย Reframe ใหม่ 
– กันน้ำได้ลึก 5 เมตร แบบที่ไม่ต้องใช้ Housing เป็นมาตรฐาน IPX8 WATERPROOF 
– หน้าเลนส์ออกแบบให้รองรับการกระแทกระดับนึง เศษฝุ่น เศษหิน กระเด็นใส่ยังมีความแข็งแรง 
– รองรับการควบคุมด้วยเสียง, Apple Watch, GPS Smart Remote 
– รองรับการต่อไมโครโฟนแบบแยก หรือจะใช้ไมค์ของ Apple Airpods ได้ด้วย ทำให้มีทางเลือกในการเชื่อมต่อวิดีโอได้ง่ายขึ้น 
– การเชื่อมต่อแบบ USB-C 
– มีชุดต่อกับ โดรนสำหรับมืออาชีพที่อยากได้มุมมองที่หลากหลายมากกว่าเดิม

Insta 360 One R Twin Edition ราคา 16,490 บาท สินค้าประกันศูนย์

Insta 360 One X2

กล้อง 360 องศารุ่นเด่นจากทาง Insta ซึ่งจุดเด่นคือรุ่นนี้คือความละเอียดที่ 5.7K แล้วก็สามารถที่จะถ่ายภาพความละเอียดสูงได้เลย ซึ่งกล้อง 360 องศาในรุ่นนี้สามารถเก็บรายละเอียดได้ทุกมุม ใช้งานง่าย มีระบบที่ช่วย Tracking เวลาถ่ายวิดีโอ ทำให้เวลาถ่ายคลิปนั้นไม่มีปัญหาเรื่องเฟรมหลุด อันนี้คือดีมาก

ไมโครโฟนมีถึง 4 ตัว ทำให้สามารถที่จะเก็บรายละเอียดเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม มีกันสั่นในตัวแบบ 6 แกน นิ่งมาก ทำให้สามารถที่จะวิ่ง เดิน หรือทำคอนเทนต์ก็ไม่มีสะดุด รองรับการ Live Streaming ได้อีกด้วย ถ้าหากว่าชอบกล้อง Action แนว 360 องศา แนะนำว่ารุ่นนี้ก็ใช้งานได้สนุกมาก ๆ เหมือนกันครับ

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– กล้องวิดีโอถ่ายได้รอบด้านให้ไฟล์ความละเอียดสูง 5.7K เทคโนโลยีการบีบอัดวีดีโอแบบ H.264, H.265 ส่งข้อมูลภาพได้รับชมคุณภาพสูงเพื่อรองรับการ streaming ให้ภาพละเอียดสีสันอิ่มสวย ชัดเจน รองรับไฟล์ภาพ JPG และ RAW 
– กล้อง 360 องศา ถ่ายภาพได้รอบด้าน เก็บทุกมุม ทั้งยังสามารถเลือกมุมที่ต้องการได้ในภายหลังอีกด้วย 
– ขนาดเล็กพกพาง่าย เบาเพียง 149 กรัมจับง่ายโดยการออกเเบบพื้นผิวสัมผัสให้ถือได้เเบบไม่ลื่นมือ 
– หน้าจอสัมผัส สั่งงานง่าย จอเห็นชัดสบายตาให้สีสันและเเสงสว่างเพียงพอ 
– กันสั่นในตัว 6 แกน ให้วิดีโอที่นิ่ง ถึงเเม้จะเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงก็ตาม 
– Deep track 2.0 ช่วยจับตำเเหน่งตัวเเบบได้อย่างเเม่นยำเเละมั่นคงไม่ปล่อยให้ตัวเเบบหลุดเฟรม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายวิดีโอ เด็ก สัตว์เลี้ยง หรือการถ่ายเเบบกีฬา 
– ไมโครโฟน 4 ตัว บันทึกเสียงได้รอบทิศทาง ให้เสียงใส คมชัดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ไมค์เสริม ทั้งยังมีระบบกันลมในตัวอีกด้วย 
– กันน้ำได้ลึก 10 เมตรโดยที่ไม่ต้องใส่เคสกันน้ำ 
– ถ่ายภาพได้อย่างอิสระ ภาพสวยด้วยฟีเจอร์ซ่อนไม้เซลฟี่เพื่อไม่ให้เห็นไม้เซลฟี่เกะกะในเฟรม 
– Horizon lock ช่วยปรับภาพไม่ให้เอียง ถึงเเม้จะถือกล้องไม่ตรงและถูกเเกว่งไปมา 
– HDR photo + vdo ช่วยให้ภาพสวยใส วิดีโอสีสวยคมชัด 
– Shot Lab มีผู้ช่วยเป็น AI อัจฉริยะที่เป็นผู้ช่วยในการจัดการไฟล์เเละตัดต่อวิดีโอได้อย่างมืออาชีพ 
– PureShot ช่วยชดเชยเเสงได้ดี ถ่ายภาพในที่เเสงน้อยได้ ถ่ายภาพตอนกลางคืนได้ชัดไม่มืดให้ภาพสวย คมชัด 
– Multiview กล้องหน้ากล้องหลังบันทึกวิดีโอได้พร้อมกัน เห็นพร้อมกันทั้งสองมุมมอง 
– Aquavision ฟิลเตอร์น้ำใสโดยมี AI ช่วยในการปรับสมดุลเเสงให้ เอาไว้ใช้ถ่ายภาพใต้น้ำปรับให้น้ำดูใสขึ้น เห็นรายละเอียดภาพใต้น้ำได้ดีขึ้น 
– ฟีเจอร์การถ่ายภาพหลากหลาย เพิ่มความประทับใจเเละประสบการณ์งานวิดีโอที่เเตกต่าง เช่น Fly like on FPV, Freez Frame, Ghost town, Auto Frame, Panorama, Time shift 
– วิดีโอสำเร็จรูปมีให้เลือกใช้หลายเเบบใช้งานง่าย เล่าเรื่องได้หลากหลาย ให้งานวิดีโอสวยเหมือนมืออาชีพทำเอง 
– รองรับการ live streaming ผ่านโซเชียลได้ทันที ทั้งยังรองรับการทำงานเเบบ Webcam ได้อีกด้วย 
– ต่อทำงานร่วมกับมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ได้ง่ายเเละรวดเร็ว ทำให้ workflow ดีขึ้น 
– รองรับการควบคุมการทำงานด้วยเสียง สั่งงานด้วยเสียงผ่าน Air pod ได้เลย 
– แบตเตอรี่ 1630 mAh ทำงานได้นานที่สุด 80 นาที 
– มีอุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานอีกมากมาย

Insta 360 One X2 ราคา 14,900 บาท สินค้าประกันศูนย์

DJI OSMO Pocket 2

กล้องขนาดเล็กพร้อม Gimbal Stabilizer ในตัวรุ่นล่าสุดจากทาง DJI ซึ่งกล้องตัวนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในรุ่นแรก รุ่นนี้มีการอัพเดตที่โหดขึ้นคือ เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมจาก ทำให้ถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งได้รายละเอียดที่ดีขึ้น ความละเอียดของกล้องก็ถูกอัพเกรดให้สูงขึ้นด้วยเหมือนกัน จากเดิม 12 ล้านพิกเซล ตอนนี้ถูกเพิ่มเป็น 64 ล้านพิกเซล และเลนส์ใหม่กว้างกว่าเดิม จาก 26mm เป็น 20mm แล้วก็มีรูรับแสง F1.8 ด้วย ทำให้ถ่ายวิดีโอและภาพนิ่งดีขึ้นมาด

มีโหมดถ่าย Slow Motion ที่สามารถถ่ายได้ที่ 8 เท่าจากความเร็วปกติ ไมโครโฟนมีคุณภาพดีขึ้นมาก และมีโหมด Active Track 3.0 ที่คอยติดตามในหน้าอย่างแม่นยำ ถ้าหากต้องการใช้กล้องง่าย ๆ ถ่ายสวย ๆ แนะนำว่า DJI Osmo Pocket 2 ไม่ผิดหวังเลย

จุดเด่นที่น่าสนใจ

– เซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น 1/1.7″ (ของเก่า 1/2.3″) 
– ภาพนิ่ง 64MP จากเดิมได้ 12MP 
– เลนส์ใหม่ 20mm 1.8 (ของเก่า 26mm) 
– ซูมวิดีโอได้ 4 เท่าภาพนิ่ง 8 เท่า 
– ถ่าย slow motion ได้สูงสุด 8 เท่า 240fps 
– ไมค์แบบใหม่คุณภาพดีขึ้น 
– ขนาดเท่าเดิม 
– ใช้อุปกรณ์เสริมรุ่นเก่าได้ ! 
– Activetrack 3.0 / AI Editor / Story Mode

DJI OSMO Pocket 2 ราคา 14,900 บาท สินค้าประกันศูนย์

×Close search
Search