5 วิธีเลือกไฟสตูดิโอสำหรับมือใหม่เริ่มต้น เพื่อให้เราสามารถเลือกชุดไฟสำหรับการทำงานของเราได้อย่างถูกต้อง

June 7, 2020
Tips & Tricks

5 วิธีเลือกไฟสตูดิโอสำหรับมือใหม่เริ่มต้น ผู้ผลิตงานภาพเเละวิดีโอในปัจจุบัน เริ่มหันมาจริงจังกับการผลิตงานที่มีคุณภาพมากขึ้น ปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะให้งานออกมามีคุณภาพ คือ การจัดเเสง ไม่ว่าจะเป็นการจัดเพื่อสร้างบรรยากาศ หรือเพื่อเพิ่มความสว่างให้เห็นรายละเอียดให้กับองค์ประกอบโดยรวมหรือเจาะรายละเอียดเฉพาะจุด เเล้วมือใหม่อยากให้งานออกมาดูดีมีคุณภาพ จะเลือกไฟเพื่อมาใช้งาน ต้องรู้อะไรบ้าง จะเลือกซื้ออย่างไรเพื่อให้ได้ไฟที่มีประสิทธิภาพ เเละตอบโจทย์การใช้งาน

5 วิธีเลือกไฟสตูดิโอสำหรับมือใหม่เริ่มต้น เพื่อให้เราสามารถเลือกชุดไฟสำหรับการทำงานของเราได้อย่างถูกต้อง

1. เลือกชนิดของหลอดไฟที่จะใช้งาน จะเลือกหลอดไฟทังสเตน หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอด LED

มีหลอดไฟ 3 ประเภท ที่นำมาใช้เพื่อเป็นหลอดไฟสตูดิโอ เช่น หลอดไฟเเบบทังสเตน หลอดฟลูออเรสเซนต์ เเละหลอด LED ซึ่งเเต่ละชนิดจะให้เเสงที่มีความเฉพาะตัว

ถ้าเป็นหลอดเเบบทังสเตน จะให้เเสงสีส้ม เป็นเเสงโทนร้อน เเต่จะให้ความร้อนสูงซึ่งปัจจุบันไม่นิยมนำมาใช้งานเท่าไหร่เเล้ว หลอดฟลูออเรสเซนต์ให้แสงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น สามารถเลือกใช้ได้หลากสี ส่วนหลอด LED จะเป็นหลอดที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะให้ความสว่างสูง เเต่กินไฟน้อยทั้งยังปรับสีได้ตามความต้องการอีกด้วย

Vector EPS 10,info graphics, Light color temperature scale

2. เลือกชนิดของไฟที่จะใช้ โดยจะต้องรู้ว่าใช้ไฟเพื่อจุดประสงค์อะไร

ไฟที่จะนำมาใช้ในสตูดิโอจะมีหน้าที่ที่เเตกต่างกันไป ประเภทหลัก ๆ คือ ไฟต่อเนื่องและไฟเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ด้วยการกระพริบเเสง โดยไฟต่อเนื่อง คือไฟที่ให้เเสงสว่างเมื่อเปิดเเละจะดับลงก็ต่อเมื่อถูกปิด ซึ่งไฟต่อเนื่องก็มีหลายประเภท ทั้งไฟที่ใช้เป็นไฟหลัก (Key light) เป็นเเสงสว่างหลักของทั้งภาพ ไฟเสริมช่วยเพิ่มเเสงเเละเงาในบางจุด (Fill light) เเละไฟพื้นหลัง (Backlight) เพื่อให้เห็นรายละเอียดด้านหลัง หรือเพิ่มเเสงด้านหลัง

ทั้งยังสามารถเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนอารมณ์ ด้วยการเปลี่ยนอุณหภูมิสีหรือสร้างโทนสีภาพให้ดูน่าสนใจในการทำวิดีโอ เเละไฟอีกประเภทหนึ่งคือไฟกระพริบ ซึ่งจะใช้เป็นเเสงที่สร้างเอเฟกต์ให้ภาพ หรือวิดีโอ ให้ดูตื่นเต้น เเละน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

3. เลือกกำลังไฟและความสว่างของแสง (กำลังไฟสูงให้ความสว่างสูง)

หลังจากเลือกประเภทไฟตามการใช้งานเเล้ว กำลังไฟจะเป็นตัวที่จะบอกว่า เหมาะสมกับขนาดห้องหรือสตูดิโอหรือไม่ เช่น การเลือกไฟต่อเนื่อง เพื่อจะเป็นตัวให้เเสงสว่างหลัก ก็ต้องดูว่าห้องขนาดเท่าไหร่ กำลังไฟเเละให้ความเข้มเเสงมากเท่าไหร่ โดยหน่วยที่จะบอกว่า ใช้กำลังไฟเท่าไหร่คือ วัตต์ เเละความสว่างที่ให้หลอดไฟจะได้คือ ลักซ์ เเละลูเมน

ตัวอย่างการอ่านค่า เช่น ไฟสตูดิโอ LED 300 วัตต์ มีความสว่าง 60000 ลักซ์ คือใช้กำลังไฟ 300 วัตต์ เพื่อให้ความสว่าง 60000 ลักซ์

ถ้าห้องกว้างมาก หรือต้องการความสว่างสูง ก็เลือกไฟที่ให้กำลังวัตต์สูง จะได้ความสว่างสูงนั่นเอง ซึ่งไฟสตูดิโอหลายเเบรนด์สามารถปรับเพิ่มลดความสว่างได้ จึงช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างที่ต้องการมากขึ้น ดีไซน์งานได้หลายเเบบมากขึ้นด้วย ซึ่งไฟที่ให้กำลังสูง ก็จะมีราคาที่สูงตาม

เเต่ถ้าต้องการไฟที่ใช้เพื่องานให้เเสงสว่างไม่สูงมาก เป็นไฟเสริม หรือการถ่ายรีวิวงาน สินค้าขนาดเล็ก อาจจะเลือกใช้ไฟต่อเนื่องที่มีกำลังน้อยลงมา เพื่อช่วยประหยัดงบประมาณในการผลิตงานอีกด้วย

4. เลือกความถูกต้องของเเสง (CRI/TLCI/TM30)

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เเสงที่ได้จากไฟนั้นให้สีของวัตถุถูกต้องหรือไม่ มีสีที่เพี้ยนไปจากความจริงมากน้อยเเค่ไหน เราดูได้จากค่าความถูกต้องของเเสง หรือค่าที่จะบอกว่าเเสงจากไฟนั้นให้สีที่ถูกต้องมากน้อยเเค่ไหน ซึ่งสามารถดูได้จากค่า CRI/TLCI/TM30 โดยเเค่ละค่า ถ้ามีค่าเข้าใกล้ 100 ก็แสดงว่าให้สีที่ถูกต้อง เเม่นยำมากนั่นเอง ในงานบางประเภท ต้องใช้ความถูกต้องของสีสูง จึงควรเลือกที่ค่าที่สูง เช่น 95+ เเต่ถ้าไม่จะเป็นต้องมีความถูกต้องของสีสูงมาก เเต่ต้องการเพียงความสว่าง ก็อาจจะเลือกค่าความถูกต้องของสีที่ตำ่ลงมาได้

5. เลือกที่ปรับสีตามอุณหภูมิเเสงที่ต้องการ

อุณหภูมิสีวัดเป็นองศาเคลวิน (K) อุณหภูมิสีของหลอดไฟจะบอกว่าแสงที่ให้ เมื่อมองผ่านด้วยสายตาโดยตรงหลอดไฟจะผลิตสีอะไร เช่น เเสงสีเหลืองมีอุณหภูมิสีประมาณ 2700K ให้ความรู้สึกอบอุ่น เเละสีขาวที่ 5000K หรือถ้าสูงกว่าก็จะเห็นเป็นสีขาวอมฟ้า

ดังนั้นการเลือกหลอดไฟ จึงต้องเลือกด้วยว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟสีอะไร เพื่ออะไร งานเฉพาะอย่าง เช่นการรีวิวสินค้า อาจจะไม่ต้องใช้เเสงสีอื่น เเต่ถ้าเป็นงานวิดีโอที่ต้องมีการสร้างเรื่องราว สร้างบรรยากาศ ก็ต้องมีสีที่ช่วยให้รองรับกับการทำงานด้วย