fbpx
skip to Main Content

เปรียบเทียบ Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 ไมโครโฟนตัวเก่งสำหรับสายวิดีโอและคนทำรายการสัมภาษณ์

เปรียบเทียบ Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 ไมโครโฟนตัวเก่ง สำหรับสายวิดีโอและคนทำรายการสัมภาษณ์ ไมโครโฟนไวเลสทั้ง 2 แบรนด์มีการออกแบบในส่วนของประสิทธิภาพและความสามารถโดยในเรื่องการเก็บรายละเอียดของเสียงที่ชัดเจน ขนาดที่เบาเล็กพกพาได้สะดวก การส่งสัญญาณก็ไกลทั้งคู่ และมีแบตเตอรี่ที่คงทน เราไปหาคำตอบกันครับว่าสองแบรนด์นี้เราควรเลือกตัวไหนดี

เปรียบเทียบ Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 ไมโครโฟนตัวเก่งสำหรับสายวิดีโอและคนทำรายการสัมภาษณ์

ความสามารถในการนำไปใช้งานวิดีโอ รีวิว และทำคอนเทนต์ที่ต้องบันทึกเสียงมากกว่า 1 คน

Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 เป็นไมโครโฟนที่ออกแบบมาให้มีตัวส่ง 2 ตัวและตัวรับ 1 ตัวทั้งคู่ ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้สามารถจะนำไปใช้ในการสัมภาษณ์ได้ดี หรือคอนเทนต์ที่ต้องมีผู้พูดมากกว่า 1 คน เราสามารถที่จะทำงานได้ทันที ทั้งสองรุ่นนี้เสมอกันในด้านนี้ครับ

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 ทั้งสองรุ่นออกแบบมาให้รับส่งสัญญาณแบบ 2:1 คือตัวส่ง 2 ตัว ตัวรับ 1 ตัว สามารถใช้ในการทำคอนเทนต์จริงจังได้ทั้งคู่

คุณภาพในการบันทึกเสียง และการนำไปใช้งานจริง

ความสามารถในการรับเสียงของ Comica Audio BoomX-D D2 เมื่อเทียบกับ Saramonic Blink 500 นั้น มีการออกแบบที่เหมือนกันสองอย่างคือ ทั้งสองรุ่นนี้สามารถที่จะบันทึกเสียงผ่านไมโครโฟนที่มากับตัวบอดี้ได้โดยตรง และเก็บมิติเสียงได้กว้าง ชัดเจน เนื้อเสียงพูดจะมีความคมชัด เหมาะกับคนทำรายการ และทั้งสองรุ่นนี้ก็ยังสามารถที่จะต่อไมโครโฟนแบบ Lavalier ได้ทั้งคู่ด้วย ในกรณีที่อยากต่อบันทึกเสียงผ่านไมโครโฟนหนีบปกแยก ก็สามารถใช้งานได้เลยทั้งคู่

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 ในประเด็นนี้ยังทำได้เท่ากันเลยคือสามารถที่จะบันทึกเสียงได้ดีทั้งคู่ สามารถใช้ไมโครโฟนในตัวบอดี้หรือใช้ไมโครโฟนแบบ Lavalier ด้วยก็ได้

ประสิทธิภาพในการรับ-ส่งสัญญาณ และระยะที่รองรับการใช้งาน

สำหรับไมโครโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้เป็นไมค์ที่ส่งสัญญาณดิจิตอลแบบไร้สาย 2.4 GHz ดังนั้นไมโครโฟนตัวนี้จะตอบโจทย์ในการใช้งานนอกสถานที่ จึงหมดปัญหาเรื่องการโดนคลื่นแทรกโดยเฉพาะในขณะที่ต้องนำไมค์ไปใช้ในศูนย์จัดแสดงสินค้า หรือสถานที่ที่มีการปล่อย Wifi และ Bluetooth เต็มไปหมด ด้วยคลื่นความถี่ 2.4 GHz ทำให้มีความเสถียรเมื่อต้องเจอคลื่นรบกวนอื่น ๆ ได้ดีมากพอสมควรเลย

ระยะการส่งสัญญาณของ Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 มีความใกล้เคียงกันมากๆ โดยในไมค์ Comica Audio BoomX-D D2 สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 50 เมตร เลยทีเดียว

ในขณะที่ Saramonic Blink 500 สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 60-70 เมตร ก็ถือว่าไม่ค่อยต่างกันมากนัก และหากอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีคลื่นรบกวนก็ใช้ได้ไกลเกือบ ๆ 100 เมตร ดังนั้นเมื่อเทียบระยะสูงสุดแล้ว Saramonic Blink 500 ดูจะได้เปรียบกว่าเล็กน้อยครับ

สรุป Saramonic Blink 500 ส่งสัญญาณในระยะไกลสูงสุดได้ค่อนข้างดีกว่า Comica Audio BoomX-D D2 เพียงเล็กน้อย แต่ในการใช้งานจริงเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ใช่พื้นที่โลก ทั้งสองรุ่นก็ใช้งานได้ไม่ต่างกัน

ความคงทนของแบตเตอรี่ในการใช้งาน

สำหรับในเรื่องของแบตเตอรี่ในไมโครโฟน Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 มีความโดดเด่นในเรื่องความอึดความทนของแบตเตอรี่ เพราะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีสายชาร์จเพื่อเอาไว้ชาร์จไฟ ที่สำคัญการที่สามารถพกพาได้สะดวกเพราะมีน้ำหนักเบา และเล็ก โดยการที่สามารถใช้งานได้ยาวนานทำให้นำไปใช้นอกสถานที่ได้อย่างสบายใจ

สรุป Saramonic Blink 500 และ Comica Audio BoomX-D D2 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 5 ชั่วโมงเท่ากัน

หน้าจอแสดงสถานะในการใช้งาน ความง่ายในการตรวจสอบสถานะการทำงาน

Comica Audio BoomX-D D2 มีหน้าจอแสดงสถานะในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงระดับสัญญาณ, ระดับเสียงทั้งแบบ โมโน/สเตอริโอ และพลังงานของแบตเตอรี่ ทำให้เราสามารถกำหนด และควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ได้อย่างง่ายได้และสะดวกในการตรวจสอบรวมทั้งการเช็คสถานะการทำงาน เพราะงั้นหมดกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่าสมดุลของเสียงเวลาที่ต้องนำไปใช้งาน 

ในขณะที่ Saramonic Blink 500 ไม่มีหน้าจอ ต้องคอยเช็คไฟบริเวณรอบวงที่อยู่หน้าตัวเครื่อง โดยสังเกตสัญญาณไฟกระพริบสำหรับเช็คแบตเตอรี่และ การเชื่อมต่อ ขณที่การปรับระดับเสียงก็มีแค่สัญญาณไฟเท่านั้น ทำให้กะระดับเสียงได้ลำบาก

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 มีหน้าจอแสดงสถานะการทำงานที่ดีกว่า Saramonic Blink 500 ที่มีเพียงแค่ไฟ LED บอกสถานะการทำงานเท่านั้น

ช่องเสียบหูฟังที่ตัวรับสัญญาณเพื่อเช็คเสียงแบบเรียลไทม์

หนึ่งในจุดเด่นที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามแต่มีความสำคัญมาก ก็คือช่องเสียบหูฟัง โดยบางครั้งกล้องบางรุ่นไม่มีช่องสำหรับเสียบหูฟังทำให้ยากต่อจากมอนิเตอร์เสียงแบบเรียลไทม์ แต่ Comica Audio BoomX-D D2 ช่วยแก้ปัญหาได้เพราะตัวรับสัญญาณมีช่องเสียบหูฟังเพื่อรองรับในกรณีนี้ ทำให้คุณสามารถเช็คเสียงได้ตลอดเวลาและทำการแก้ไขได้ทันท่วงทีทำให้งานออกมามีคุณภาพ 

ในขณะที่ Saramonic Blink 500 ไม่มีจุดนี้ ทำให้เราต้องเช็คทุกอย่างให้ดีก่อนที่จะบันทึกเสียงใช้ยาว ๆ และหากเกิดกรณีที่ต้องใช้กล้องไม่มีรูเสียบหูฟัง ก็จะทำให้เรา Monitor เสียงไม่ได้เลย

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 ช่องต่อหูฟังเพื่อ Monitor เสียง ซึ่ง Saramonic Blink 500 ไม่สามารถต่อหูฟังได้

ความสามารถในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย กล้อง Mirrorless, DSLR และสมาร์ทโฟน

สำหรับ Comica Audio BoomX-D D2 กับ Saramonic Blink 500 สามารถติดตั้งได้ทั้งกับ กล้อง Mirrorless, DSLR ด้วยน้ำหนักที่เบา และมีขนาดเล็กทำให้นำไปใช้งานได้สะดวกคล่องตัว 

ในขณะที่หากจะนำไปใช้ติดตั้งกับสมาร์ทโฟนก็ไม่ยุ่งยากเพราะไมค์ตั้งสองรุ่นออกแบบให้สามารถนำไปใช้งานกับมือถือได้สบาย ๆ เพียงแต่ในส่วนของ Saramonic Blink 500 ถ้าหากต้องการนำไปใช้กับ Smartphone ต้องซื้อตัวรับที่ใช้งานสำหรับ Android และ iPhone แยก แต่ Comica Audio BoomX-D D2 สามารถใช้งานได้เลย

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 และ Saramonic Blink 500 รองรับการใช้งานกับทั้งกล้องและ Smartphone แต่ในส่วนของ Saramonic Blink 500 นั้นต้องซื้อตัวรับสัญญาณสำหรับ Smartphone เพิ่ม

ความสะดวกในการปรับเพิ่ม-ลดเสียง

สำหรับความสะดวกในการปรับเพิ่ม-ลดเสียงต้องบอกเลยว่า Comica Audio BoomX-D D2 มีความคล่องตัวมากกว่า เพราะสามารถปรับเสียงได้จากตัวรับสัญญาณที่ติดอยู่กับกล้องทำให้ตากล้องสามารถควบคุมเสียงของไมค์ตัว A และ B ได้อย่างเหมาะสม ไม่เป็นการขัดจังหวะหรือรบกวนพิธีกรหรือผู้ที่ถูกสัมภาษณ์ 

ต่างจาก Saramonic Blink 500 ที่จะต้องปรับลด-เพิ่มเสียงจากตัวส่งสัญญาณเท่านั้น ฉะนั้นเวลาปรับเสียงต้องใช้ผู้ที่ถูกสัมภาษณ์หรือพิธีกรเป็นคนปรับ ก็อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 สามารถปรับเพิ่มลดระดับเสียงที่ตัวรับได้เลยซึ่งมีความสะดวกกว่า Saramonic Blink 500

อุปกรณ์เสริมที่ให้มาในกล่อง

Comica Audio BoomX-D D2 มาพร้อมกับตัวรับสัญญาณ 1 ตัว และตัวส่งสัญญาณ 2 ตัวพร้อมกับไมโครโฟนลาวาเลียร์ หรือไมค์หนีบปกเสื้อ 2 ตัว, วิลด์ชิลด์ (Wind muff ก็ได้) หรือปุกปุยกันเสียงลม 2 ตัวซึ่งเป็นซิลิโคนทำให้ล็อกแน่นกับไมค์, สายเคเบิล 3.5 มิลลิเมตรแบบ TRS ทั้งสองฝั่ง 2 เส้น, สายเคเบิล 3.5 มิลลิเมตรแบบ TRS+TRRS สำหรับโทรศัพท์มือถือ 1 เส้น , สายชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB Type-A กับ USB Type-C 1 เส้น

ขณะที่ Saramonic Blink 500 มาพร้อมกับตัวรับสัญญาณ 1 ตัว และตัวส่งสัญญาณ 2 ตัวเช่นกันมาพร้อมกับชายชาร์จ 3 เส้น ไมโครโฟนลาวาเลียร์ หรือไมค์หนีบปกเสื้อ 2 ตัว, สายเชื่อมต่อทั้งของสมาร์ทโฟน, กล้อง Mirrorless, DSLR แต่ไม่มีวิลด์ชิลด์มาให้ครับ

สรุป Comica Audio BoomX-D D2 ให้อุปกรณ์มาหลากหลายกว่า Saramonic Blink 500 เพียงเล็กน้อยครับ

สนใจ COMICA AUDIO BOOMX-D D2 ไมค์ไวเลส 1:2 ศูนย์ไทย และ Saramonic Blink 500 ติดต่อได้ที่ LNWGADGET

×Close search
Search