รีวิวสเปค DJI Mavic Air 2 โดรนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่โดดเด่น และมีการพัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิมหลายเท่า ซึ่งจุดเด่นของโดรนรุ่นนี้คือน้ำหนักที่เบา และสามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงได้เยอะมาก ทั้งการถ่ายวิดีโอแบบ 4K และการถ่าย Timelapse ที่ความละเอียด 8K โดยตัวโดรนมีความเบาช่วยให้สามารถบินได้เร็วสูงสุดถึง 68 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ในขณะเดียวกัน DJI Mavic Air 2 ยังมาพร้อมกับยังมีระบบความปลอดภัยแบบใหม่ APAS 3.0 และระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 3 ทิศทาง ด้านหน้า, หลัง และด้านล่างที่สามารถหยุดได้ทันทีเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง สำหรับโดรนตัวนี้เป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้ผู้ใช้ได้สนุกแบบยาวนานเนื่องจากแบตเตอรี่แบบใหม่ทำให้บินได้นานถึง 34 นาทีและบินได้ไกลสูงสุดถึง 10 กิโลเมตรเลยทีเดียว ฉะนั้นด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่นำมาใช้จึงทำให้ Mavic Air 2 เป็นโดรนที่น่าสนใจอย่างมากในเวลานี้
รีวิวสเปค DJI Mavic Air 2 โดรนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับออปชั่นที่โดดเด่น
จุดเด่น DJI Mavic Air 2
- การออกแบบรูปทรงที่ดูเท่ห์ สวยงาม กระทัดรัด สามารถพับขาใบพัดได้ทั้ง 4 ขาช่วยลดขนาดของโดรน และมีน้ำหนักเบา สามารถพกพาได้สะดวก
- บินได้เร็วสูงสุดถึง 68 กม./ชั่วโมง ไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญแน่นอน และบิน Tracking วัตถุได้อย่างรวดเร็ว
- จับภาพได้อัตโนมัติแบบ SmartPhoto ทำให้ภาพออกมาสวย และคมชัด น้อยส์น้อยที่สุด หรือการถ่ายแบบ HDR ก็ได้
- บินได้นานถึง 34 นาที และบินได้ไกลกว่าสูงสุด 10 กิโลเมตร
- โดรนตัวแรกที่มีฟีเจอร์ 8K HyperLapse ช่วยให้งานมีความละเอียดสูง
- ระบบความปลอดภัยแบบ APAS 3.0 ไม่ต้องกังวลสิ่งกีดขวาง เราบินได้สบาย โดรนก็ช่วยเราหลบสิ่งกีดขวางด้วย
- ระบบ Obstacle Avoidance ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 3 ทิศทาง ด้านหน้า, หลัง และด้านล่าง สามารถหยุดบินโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ในทิศทางที่จะไป
- สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้ที่ระยะสูงสุดกว่า 20 เมตร
- FocusTrack เลือกโฟกัสวัตถุที่ต้องการจากนั้นโดรนจะคอยติดตามวัตถุที่โฟกัสแบบอัตโนมัติ
- กล้องคุณภาพสูงถ่ายวีดิโอแบบ 4K ใน 60 ภาพต่อวินาที
- สามารถถ่ายวีดิโอแบบสโลว์โมชั่นที่ 1080p และ 240 ภาพต่อวินาที
- ชุดเซ็นเซอร์ 1/2 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซลจึงรองรับการถ่ายแบบ HDR ให้ภาพสวย คมชัด ลื่นไหล
- ระบบการติดตามวัตถุแบบใหม่ หรือ ActiveTrack 3.0
- ระบบบินรอบวัตถุแบบใหม่ POI 3.0 พร้อม QuickShots โหมดบินอัตโนมัติ
การออกแบบรูปร่างภายนอกของตัวเครื่อง
DJI Mavic Air 2 มีการออกแบบและปรับโฉมใหม่ ยังคงเป็นโดรนที่เน้นการพกพาได้สะดวก โดยสามารถพับขาใบพัดได้ทั้ง 4 ขา น้ำหนักเบาเพียงแค่ 570 กรัมเท่านั้นซึ่งน้ำหนักขนาดนี้ทำให้พกใส่กระเป๋าเป้ไปไหนก็ได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ด้วยน้ำหนักที่เขาโดรนสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถบินได้ไวถึง 68 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉะนั้นในเรื่องการบินเพื่อไล่ตามวัตถุที่ต้องการถ่ายจึงไม่ใช่ปัญหา มันสามารถติดตามได้ จึงทำให้ไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญแน่นอน
จับภาพได้อัตโนมัติแบบ SmartPhoto
สำหรับโดรน DJI Mavic Air 2 สามารถเลือกฟีเจอร์ใหม่ตัวนี้ได้ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นมาอีกขึ้น โดย Mavic Air 2 จะมีการตั้งค่ากล้องให้เหมาะสม และมีการเลือกแบบอัตโนมัติซึ่งเป็นหนึ่งในสามโหมดที่มีการพัฒนาขึ้นมาใหม่ ทั้งฉากแบบทั่วไป (รวมถึงสนามหญ้า, ต้นไม้, แสงพระอาทิตย์ตก, หิมะ) หรือฉากแบบไฮเปอร์ไลท์ (HyperLight)
ที่มีแสงน้อยซึ่งกล้องจะจับภาพหลายๆ แบบที่มีแสงที่แตกต่างกัน และนำมารวมเข้าด้วยกันเพื่อให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูงที่สุดโดยที่มีจุดรบกวนในภาพหรือ น็อยส์ (Noise) น้อยที่สุด หรือการถ่ายแบบ HDR ส่วนโหมด 48MP มักจะไม่ค่อยได้ใช้เมื่อใช้โหมด SmartPhoto
ถ่ายวีดิโอแบบ 8K HyperLapse
นี่คือหนึ่งในจุดเด่นของ DJI Mavic Air 2 ซึ่งเป็นโดรนตัวแรกที่มีฟีเจอร์ 8K HyperLapse ที่ช่วยให้ภาพออกมามีความโดดเด่น โดยการถ่ายวิดีโอในโหมด Hyper-lapse ที่ความละเอียดสูง 8K อย่าไงรก็ตามผู้ใช้สามารถเลือกที่จะใช้โหมดความละเอียดต่ำได้ทั้งแบบ 4K , 2.7K และ 1080 ก็ได้
สามารถถ่ายแบบ HDR ให้ภาพสวย คมชัด เก็บรายละเอียดของส่วนมืดและส่วนสว่างในภาพได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่าในการใช้โดรนเพื่อถ่ายภาพย่อมต้องเจอกับแสงที่มีความแตกต่างกัน แต่ DJI Mavic Air 2 มีโปรแกรมที่จะรองรับเรื่องนี้โดยมีฟีเจอร์ในการปรับ HDR ที่เหมาะสมรวมทั้งการการวีดิโอ HDR และการถ่ายแบบพาโนราม่า HDR รวมไปถึงการถ่ายวีดิโอที่มีความละเอียดสูงในระดับ 4K ที่ 30 ภาพต่อวินาที ช่วยให้ภาพสวย คมชัด ลื่นไหลมากๆ
บินได้นาน 34 นาที สามารถเก็บภาพได้อย่างจุใจ และก็ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดเร็ว
สำหรับประเด็นนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะ DJI Mavic Air 2 บินได้ไกลกว่าสูงสุด 10 กิโลเมตร และบินนานถึง 34 นาที เนื่องจากมีการอัพเดทในเรื่องของเทคโนโลยีแบตเตอรี่, น้ำหนักที่เบา และการดีไซน์ในเรื่องของแอโรไดนามิค พร้อมระบบมอเตอร์ใหม่ (ESCs) นอกจากนี้สามารถปรับเป็นโหมด Sport เพื่อเร่งความเร็วได้สูงสุดถึง 68 กิโลเมตร/ชั่วโมง ฉะนั้นผู้ใช้จะได้สนุกกับการใช้โดรนตัวนี้สำหรับการถ่ายวีดิโอได้ตามที่ต้องการ
ระบบความปลอดภัยแบบใหม่ไม่ต้องกังวลสิ่งกีดขวาง
DJI ได้ทำการพัฒนาการบินแบบอัตโนมัติมากยิ่งขึ้นโดยทำให้ DJI Mavic Air 2 สามารถบินได้แบบไม่ต้องกังวลสิ่งกีดขวาง เพราะมีระบบ APAS 3.0 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านแผนที่ 3D แบบใหม่ล่าสุด และมีชุดคำสั่งสำหรับเส้นทางการบินแบบใหม่สำหรับการบินไปรอบ, การอยู่ด้านบน หรือด้านล่างวัตถุที่โดรนจับภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบ Obstacle Avoidance ที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง 3 ทิศทาง ด้านหน้า, หลัง และด้านล่าง ที่สามารถหยุดบินโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีสิ่งกีดขวางอยู่ในทิศทางที่จะไป โดยสามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางได้ที่ระยะสูงสุดกว่า 20 เมตร
ติดตามวัตถุ ล็อคภาพได้อย่างแม่นยำ บินตามได้ด้วย เหมาะกับการถ่ายวิดีโอแนวผาดโผน ตื่นเต้น
สำหรับโดรนรุ่นนี้มีระบบ FocusTrack ที่เลือกโฟกัสวัตถุที่ต้องการ จากนั้นเมื่อบังคับโดรนแล้วกล้องจะคอยติดตามวัตถุที่โฟกัสแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมี Cinematic Shots บินถอยหลังขึ้นไปข้างบนแบบอัตโนมัติในขณะที่ยังโฟกัสวัตถุที่เลือกเอาไว้
กล้องคุณภาพสูงให้ความละเอียดและคมชัดมาก
จุดเด่นที่ทำให้ โดรน Mavic Air 2 ได้รับความสนใจอย่างมากก็คือมันสามารถถ่ายวีดิโอแบบ 4K ใน 60 ภาพต่อวินาที ด้วยกล้องแบบใหม่ที่สามารถบันทึกวีดิโอในอัตราบิตที่ 120 เมกะบิต นอกจากนี้กล้องยังสามารถถ่ายวีดิโอแบบสโลว์โมชั่นที่ 1080p และ 240 ภาพต่อวินาที นอกจากนี้ Mavic Air 2 ใช้ชุดกล้องใหม่เซ็นเซอร์ 1/2 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซลจึงรองรับการถ่ายแบบ HDR ให้ภาพสวย คมชัด ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ระบบกล้องซูมที่ให้ความชัด
นอกจากนี้ด้วยระบบกล้องถ่ายรูปที่สามารถซูมได้ เนื่องจากกล้องมีเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 1/2 นิ้ว มาพร้อมกับเลนส์ซูม 2 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิด และสามารถถ่ายภาพแบบโรงภาพยนตร์ด้วยโหมด Dolly Zoom Mavic 2 Zoom ขณะเดียวกันในการถ่ายภาพนิ่งจะให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
ระบบติดตามวัตถุแบบใหม่
DJI Mavic Air 2 มีระบบการติดตามวัตถุแบบใหม่ หรือ ActiveTrack 3.0 เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามวัตถุที่ถ่ายได้แบบอัตโนมัติ โดยจะช่วยให้ง่ายต่อการบันทึกภาพ โดยระบบนี้เป็นการพัฒนาขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีแผนที่แบบ 3D และชุดคำสั่งการบินแบบใหม่ช่วยในการตรวจจับวัตถุที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถที่จะเริ่งเครื่องให้เร็วขึ้นเพื่อติดตามวัตถุในกรณีที่โดรนบินตามหลัง
และเมื่อใช้ระบบ ActiveTrack สามารถถ่ายวีดิโอแบบ 4K ที่ 30 ภาพต่อวินาทีด้วยความละเอียดสูงสุด ในขณะเดียวกันยังมีระบบบินรอบวัตถุแบบใหม่ POI 3.0 พร้อม QuickShots โหมดบินอัตโนมัติที่ยังคงมีให้เลือกใช้กันถึง 6 รูปแบบ Dronie, Circle, Helix, Rocket, Boomerang และ Asteroid
รีโมทควบคุม และแอพพลิเคชั่น
DJI Mavic Air 2 มีการปรับตัวรีโมทคอนโทรลแบบใหม่ทำให้จับถนัดมือมากยิ่งขึ้น โดยการนำสมาร์ทโฟนมาวางเอาไว้ด้านบน นอกจากนี้ยังมีการอัพเกรดตัวแบตเตอรี่ให้มีความอึดโดยใช้ได้นานถึง 240 นาที พร้อมกับตัวกริปแบบใหม่ทำให้รู้สึกสบายๆ เวลาถือ และมีความมั่นคง ขณะเดียวกันตัวแอพพลิเคชั่นที่ต้องใช้งานร่วมกับ Mavic Air 2 จะต้องใช้แอพ DJI Fly App
อุปกรณ์ของ DJI Mavic Air 2
- โดรนพร้อมกล้อง
- ตัวล็อกกล้อง
- แบตเตอรี่สำหรับตัวเครื่องโดรน
- รีโมทคอนโทรล
- ใบพัดสำรอง
- สาย Micro USB
- สายเคเบิล Lightning Connector
- สายเคเบิล Micro USB Connector
- สายเคเบิล USB-C Connector
- แท่นควบคุมสำรอง
- ไขควง
- น็อตสำรอง 6 ตัว
สรุป
สำหรับคนที่อยากได้การถ่ายภาพ และวีดิโอในมุมมองใหม่ที่โดดเด่นของแนะนำ DJI Mavic Air 2 โดรนรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การทำงานที่หลากหลาย และช่วยให้การถ่ายวีดิโอและภาพออกมาได้โดดเด่น รวมทั้งมีความชัดเจน ด้วยเทคโนโลยีใหม่สามารถจับวัตถุได้อย่างรวดเร็ว และยังมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจเมื่อใช้โดรนตัวนี้ ฉะนั้นนี่คืออุปกรณ์การบินที่คุณต้องจับตามองอย่างยิ่งในช่วงต้นปี 2020 นี้
DJI Mavic Air 2 รุ่น Single แบต 1 ก้อน 25,900 บาท
DJI Mavic Air 2 รุ่น Combo แบต 3 ก้อนพร้อมกระเป๋าและแท่นชาจ 34,900 บาท