กล่อง Live Stream สำหรับทำรายการ มีควรเลือกซื้อจากตรงไหน และมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง เวลาที่เราจะเลือกกล่อง Live Stream สำหรับการทำงานของเรานั้นผมเชื่อว่าหลายคนอยากได้คู่มือสำหรับการเลือกซื้อแหละว่าเราควรจะทำยังไง และเราควรดูที่จุดไหนเป็นหลัก เดี๋ยววันนี้ผมจะผมแนะนำวิธีเลือกซื้อและแนะนำรุ่นที่ควรซื้อมาใช้ครับ
กล่อง Live Stream สำหรับทำรายการ มีควรเลือกซื้อจากตรงไหน และมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง
1. เราควรเลือกซื้อกล่อง Live ที่ให้ความละเอียด Full HD ขึ้นไป และมี Framerate ที่ 30 เฟรมขึ้นไปด้วย
เวลาที่เราทำรายการนั้น เราควรเลือกซื้อกล่อง Live ที่สามารถรองรับความละเอียดในระดับ Full HD ขึ้นไป เพราะว่าความละเอียดในปัจจุบันนั้น Full HD ก็ถือว่าเป็นความละเอียดมาตรฐานที่ควรมี ไม่ควรต่ำกว่านี้ แต่สำหรับใครที่มีงบเยอะหน่อย เราก็สามารถเลือกซื้อตัวที่รองรับความละเอียด 4K ก็ได้ครับ
2. กล่อง Live สำหรับทำรายการควรรองรับหลายกล้องได้พร้อมกัน เพื่อให้สามารถทำงานหลายกล้องได้สะดวกขึ้น
สำหรับความสามารถหลักที่ควรจะมีเลยสำหรับกล่อง Live ที่เน้นสำหรับการไลฟ์สตรีมรายการคือ ต้องรองรับกล้องหลายตัวได้พร้อมกัน เพื่อให้เรานั้นสามารถที่จะต่อกล้องหลาย ๆ ตัวจบในที่เดียว ซึ่งถ้าหากเราต้องซื้อกล่อง Live แยกตามจำนวนกล้อง คอมต้องมีความเร็วที่สูงเพื่อรองรับกล้องหลาย ๆ ตัวด้วย แล้วเราก็ต้องมีต้นทุนที่มากพอสำหรับกล่อง Live หลายตัวด้วย
ดังนั้นถ้าหากเรามีกล่อง Live ที่สามารถรองรับกล้องได้หลายตัวพร้อมกันแต่แรกก็ไม่ต้องใช้คอมแรง และก็ไม่ต้องเปลืองงบในการซื้อกล่อง Live แยกหลายอันนั่นเองครับ
3. ควรมีระบบ Switcher ในตัว เพื่อให้เราตัดสลับภาพจากหลายกล้องได้อย่างสะดวก และประหยัดงบไม่ต้องซื้อกล่อง Live หลายตัว
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือเราควรเลือกกล่อง live ที่สามารถที่จะสลับสัญญาณกล้องแบบจบในตัวได้เลย เพื่อให้เราสามารถเลือกสัญญาณภาพที่ต้องการก่อนเข้าไปที่คอมได้ ทำให้เราสะดวกกับการเลือกมุมกล้อง แล้วก็ไม่ต้องเป็นภาระเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราด้วย
4. ควรมีช่องต่อสำหรับไมโครโฟน และระบบในการจัดการเสียงในตัว
ประเด็นที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของระบบเสียง ตัวกล่อง Live ที่เหมาะสำหรับคนที่ทำรายการ สิ่งที่จะต้องรองรับด้วยนอกจากภาพก็คือเรื่องของเสียง เพราะเราต้องมีการต่อไมโครโฟนเข้าไปที่ระบบไลฟ์ด้วย ซึ่งกล่อง Live ที่ออกแบบสำหรับการทำรายการที่ดีนั้น ควรจะรองรับช่องต่อไมโครโฟนได้เลย เพื่อให้เราสามารถคุมทุกอย่างทั้งภาพและเสียงเข้าไปที่ระบบ Live ได้ ช่วยลดปัญหาในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการได้ดีมากขึ้น
5. รุ่นที่แนะนำมี Blackmagic ATEM mini และ Blackmagic ATEM mini Pro
Blackmagic ATEM mini และ Blackmagic Mini Pro เป็น Switcher ที่ทำหน้าควบคุมการทำงาน ตัดสลับหน้าจอมีทรานซิชั่นเพื่อสลับหน้าจอ และรับสัญญาณจากกล้องผ่านเข้าไปที่คอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกผล แล้วเชื่อม live stream เข้ากับ youtube, Facebook live, Skype, Twitch, Zoom ต่อเข้ากับกล้องคุณภาพสูงได้พร้อมกันถึง 4 ตัว หรือจะต่อเข้ากับหน้าจออื่นเพื่อมอร์นิเตอร์งานได้อีก
รองรับความละเอียดสูงสุด 1080 HD 60 fps พร้อมควบคุมการทำงานด้านภาพ มีเอฟเฟกต์ช่วยการทำงานให้เป็นมืออาชีพ ใช้งานง่าย มีช่องต่อกับไมค์เเบบมืออาชีพได้ โดยมี 3.5mm 2 ช่อง เเละควบคุมเสียงผ่าน Professional Audio Mixer ในตัวเพื่อการปรับเเต่งเสียงได้อย่างมืออาชีพ ทำงานได้กับคอมพิวเตอร์ทั้งสองระบบไม่ว่าจะเป็น Windows หรือ Mac และซอฟต์เเวร์ ATEM Software Control มีให้อัพเดทบนเว็บไซต์ของ Blackmagic ได้อีก
โดยสองรุ่นนี้จะเเตกต่างกันตามการใช้งาน โดย Blackmagic ATEM mini Pro รองรับการทำงานระดับที่ใหญ่ขึ้น รองรับไฟล์ H.264 10-Bit 4:2:2 เพื่องานวิดีโอเเบบมืออาชีพ เเละงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ Blackmagic ATEM Mini Pro มอร์นิเตอร์ได้เป็นเเบบ multiview คือถ้าต่อกล้อง 4 ก็มอร์นิเตอร์ได้ทีเดียว 4 จอ เเละสามารถบันทึกข้อมูลไปที่ SSD โดยตรงไม่หนักเครื่อง
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Blackmagic ATEM mini ได้ที่นี่
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Blackmagic ATEM mini Pro ได้ที่นี่